แสนสิริรุกแตกไลน์ธุรกิจคอมมูนิตี้ รีเทล ภายใต้ชื่อ “ฮาบิโตะ (Habito)” เชื่อช่วยเสริมให้ “ที77” โซนที่อยู่อาศัยของแสนสิริทำเลสุขุมวิท 77 เป็นศูนย์กลางการอยู่อาศัยและการใช้ชีวิตที่ดีใจกลางกรุง พร้อมดึงครีเอทีฟเอเจนซี่ระดับโลก “วิงค์ครีเอทีฟ” มาร่วมสร้างนิยามการอยู่อาศัยที่พรั่งพร้อมด้วยไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต ชูไฮไลท์คอมมูนิตี้ รีเทล แนวคิดใหม่ที่ มอบการใช้ชีวิตที่ดีตั้งแต่เช้าจรดค่ำ
บริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า แสนสิริเปิดตัวธุรกิจคอมมูนิตี้ รีเทล เป็นอีกหนึ่งธุรกิจใหม่ต่อเนื่องจากการเปิดตัวธุรกิจโรงแรมเมื่อปีที่ผ่านมา เพราะเรามองว่าจะช่วยส่งเสริมธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของแสนสิริได้เป็นอย่างดี ด้วยงบประมาณการลงทุนประมาณ 320 ล้านบาทจะทำให้แสนสิริมีรายได้เพิ่มขึ้นจากค่าเช่าพื้นที่ในคอมมูนิตี้ มอลล์ที่คิดอัตรา 750 – 1,500 บาท ต่อ ตร.ม. ประมาณ 40 ล้านบาทต่อปี เมื่อเทียบกับรายได้รวมของบริษัทแล้วถือว่าน้อยกว่า 0.15% แต่สิ่งที่เราได้กลับมามีมูลค่ามากกว่านั้นเพราะถือเป็นการส่งมอบไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่ดีแก่ครอบครัวแสนสิริด้วยการเพิ่มสิ่งความสะดวกให้ผู้อยู่อาศัยในโครงการของแสนสิริทำเลสุขุมวิท 77 ตลอดจนเป็นการเพิ่มความน่าสนใจในการซื้อและลงทุนในโครงการของแสนสิริ อันจะนำไปสู่การเพิ่มมูลค่าของที่ดินในโซนนั้นในอนาคต
“กรุงเทพฯ ในปัจจุบันเริ่มจะมีลักษณะคล้ายเมืองใหญ่ทั่วโลก คือ แบ่งเป็นโซนที่อยู่อาศัยย่อยๆ ในเมืองใหญ่อีกที เช่น โซนสีลม โซนรามคำแหง โซนลาดพร้าว โซนปิ่นเกล้า และโซนอ่อนนุช เป็นต้น ความเจริญไม่จำเป็นต้องอยู่ที่เพลินจิตหรือปทุมวันเหมือนในอดีต แต่กระจายตัวบริเวณชุมชนรอบกรุงเทพฯ หรือเกาะตามสถานีรถไฟฟ้า ดังนั้น การเลือกย่านที่อยู่อาศัย ที่ถูกต้องจึงเป็นสิ่งที่สำคัญทั้งในด้านการใช้ชีวิตและในด้านการลงทุน”
“ทำเลอ่อนนุชหรือสุขุมวิท 77 เป็นทำเลศักยภาพที่มีแนวโน้มเติบโตสูง เนื่องจากเดินทางสะดวกด้วยถนนสุขุมวิท รถไฟฟ้าและทางด่วน รวมทั้งตั้งอยู่ในทำเลที่พักอาศัยที่แวดล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก เดินทางเข้าเมืองสู่ย่านธุรกิจได้ง่าย แต่ก็ยังมอบบรรยากาศเงียบสงบและร่มรื่นด้วยคลองธรรมชาติที่ทอดตัวผ่านพื้นที่สีเขียว ทำให้ทำเลนี้ได้รับความสนใจจากคนรุ่นใหม่เป็นอย่างมาก สังเกตได้จากยอดขายของโครงการของแสนสิริในโซนนี้ที่มีมูลค่าแตะ 6,800 ล้านบาทแล้วจากการขาย 5 โครงการ คือ บล๊อก สุขุมวิท 77, เดอะ เบส สุขุมวิท 77, เดอะ เบส พาร์คอีสต์ สุขุมวิท 77, เดอะ เบส พาร์คเวสต์ สุขุมวิท 77 และการ์เด้น สแควร์ สุขุมวิท 77 ซึ่งเป็นทาวน์เฮาส์ระดับบนราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป นอกจากนั้น แสนสิริยังวางแผนที่จะเปิดตัวโครงการคอนโด อ่อนนุช Low-rise 7 ชั้นภายใต้ชื่อ ‘hasu HAUS’ อย่างเป็นทางการในช่วงกลางเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งเมื่อรวมทุกโครงการของแสนสิริแล้ว จะทำให้ทำเลนี้มีมูลค่าที่อยู่อาศัยถึง 8,700 ล้านบาทและจะทำให้มีผู้อยู่อาศัยถึง 5,000 ครอบครัว”
แสนสิริ กล่าวต่อว่า แสนสิริเชื่อมั่นว่าทำเลสุขุมวิท 77 โซนใกล้รถไฟฟ้าจะได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นและเป็นศูนย์กลางการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยในกรุงเทพฯได้ในอนาคต ดังนั้น แสนสิริจึงมีแผนที่จะพัฒนาทำเลสุขุมวิท 77 ให้เป็นฮับแห่งการอยู่อาศัยที่เปี่ยมด้วยไลฟ์สไตล์แห่งการใช้ชีวิตภายใต้ชื่อ “ที 77 (T77)” โดยบริษัทจะมีการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในพื้นที่นี้เพิ่มเติม รวมทั้งนำเสนอรูปแบบการใช้ชีวิตที่เจาะกลุ่มชาวไทยและชาวต่างชาติที่ต้องการเสพสุนทรียะแห่งการอยู่อาศัยอย่างต่อเนื่องในอนาคต
สำหรับรายละเอียดด้านการออกแบบ แสนสิริได้จับมือกับ “วิงค์ครีเอทีฟ (Winkreative)” แบรนด์ดิ้งและดีไซน์เอเจนซี่ที่เป็นที่รู้จักในระดับสากลซึ่งเป็นบริษัทในเครือเดียวกับนิตยสาร “โมโนเคิล (Monocle)” สื่อที่ได้รับการยอมรับระดับโลก โดยวิงค์ครีเอทีฟได้มีส่วนร่วมในการ หาคอนเซ็ปต์และพัฒนาฮาบิโตะให้เป็นคอมมูนิตี้ รีเทล ที่มีรูปแบบที่แตกต่างและเจาะกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุด โดยใช้เวลากว่า 2 ปีในการทำวิจัยพฤติกรรมผู้บริโภค วิเคราะห์คู่แข่ง โอกาสทางธุรกิจ รวมทั้งมีการศึกษาดูงานคอมมูนิตี้ รีเทล ชื่อดังในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นกว่า 10 แห่ง จนได้คอมมูนิตี้ รีเทล แนวคิดใหม่ที่มอบไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่ดีตั้งแต่เช้าจรดเย็นแก่คนรุ่นใหม่ภายใต้สโลแกน “Habito: The Heart of Good Living”
“การมีบริษัทครีเอทีฟระดับโลกอย่างวิงค์ครีเอทีฟ (Winkreative) มาเป็นผู้ร่วมรังสรรค์คอมมูนิตี้ รีเทล แห่งแรกของแสนสิริ ทำให้เราเชื่อมั่นว่าฮาบิโตะจะเป็นอีกหนึ่งปรากฎการณ์แห่งไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ เพราะแสนสิริให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการคัดสรรร้านค้าที่มาเปิดเพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการในการใช้ชีวิตที่ดีตั้งแต่เช้าจรดค่ำ นอกจากนั้น การมี Co-working space เป็นผู้เช่าหลักในพื้นที่ทำให้แสนสิริเชื่อว่าฮาบิโตะจะสร้างความแปลกใหม่และแตกต่างจากคอมมูนิตี้ รีเทล มอลล์แห่งอื่นๆ เพราะจะนำไปสู่การมีผู้ใช้บริการเข้ามาใช้พื้นที่ต่อเนื่องตลอดวันไม่เฉพาะแค่ช่วงเที่ยงหรือช่วงเย็น ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดหลักของฮาบิโตะในการเป็นศูนย์กลางการใช้ชีวิตที่ดีตั้งแต่เช้าจรดค่ำ” แสนสิริ กล่าว
“ฮาบิโตะ (Habito)” เป็นคอมมูนิตี้ รีเทล ขนาด 10,000 ตร.ม. ตั้งอยู่บนพื้นที่ 4 ไร่ของที77 (T77) ประกอบด้วยร้านค้าจำนวน 32 ร้าน โดยมีขนาดร้านค้าตั้งแต่ 35 ตร.ม. จนถึง 700 ตร.ม. เพื่อให้เหมาะสมกับประเภทธุรกิจทั้งร้านอาหาร คาเฟ่ เสริมความงาม ร้านขายยา co-working space เป็นต้น จุดเด่นของฮาบิโตะ คือ สถานที่ที่ผู้อาศัยในที77 และชุมชนใกล้เคียงสามารถใช้เวลาได้ตั้งแต่เช้าจรดเย็นเพราะมีสิ่งอำนวยความสะดวกเหมาะกับแต่ละช่วงเวลาและไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้บริการอย่างครบครัน ตลอดจนยังเป็นศูนย์กลางด้านไลฟ์สไตล์ของครอบครัวแสนสิริในที77 เพื่อให้เกิดเป็นอีกชุมชนเล็กๆที่อบอุ่นและแวดล้อมไปด้วยธรรมชาติท่ามกลางความวุ่นวายของเมืองใหญ่
ฮาบิโตะจะเริ่มก่อสร้างในเดือน กันยายน 2557 และแล้วเสร็จพร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือน พฤศจิกายน 2558 ผู้สนใจร่วมเป็นส่วนหนึ่งของร้านค้าในคอมมูนิตี้ รีเทล แนวคิดใหม่และมีศักยภาพในการเติบโตแห่งนี้ สามารถสัมผัสแนวคิดโครงการได้ในงานแสนสิริ ไลฟ์คัมส์โฮม (Sansiri Life Comes Home) ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน ระหว่างวันที่ 10 – 12 ตุลาคม 2557 หรือ สามารถติดต่อขอเช่าพื้นที่โดยตรงได้ที่ โทร. 02-257-0499
# # # #
เกี่ยวกับ วิงค์ครีเอทีฟ (Winkreative)
วิงค์ครีเอทีฟ เป็นครีเอทีฟเอเจนซี่ที่กวาดรางวัลระดับโลกต่างๆ มากมาย โดยให้บริการครอบคลุมถึงการออกแบบ แบรนด์ดิ้งตราสินค้า และนำเสนองานด้านสิ่งพิมพ์แก่ลูกค้าทั่วโลก ทั้งนี้ มร.ไทเลอร์ บรูเล่ นอกจากจะเป็นกรรมการบริหารและประธานบริษัทของวิงค์ครีเอทีฟแล้ว ยังดำรงตำแหน่งบรรณาธิการบริหารของนิตยสารโมโนเคิลซึ่งเป็นสื่อที่ได้รับการยอมรับระดับโลกอีกด้วย วิงค์ครีเอทีฟมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ ณ เมืองซูริค ประเทศสวิสเซอร์แลนด์และมีครีเอทีฟ ออฟฟิศ ในลอนดอน รวมทั้งสำนักงานในเมืองใหญ่ต่างๆทั่วโลก อาทิ ลอนดอน นิวยอร์ก โตรอนโต โตเกียวและฮ่องกง โดยผลงานที่โดดเด่นของวิงค์ครีเอทีฟในด้านแบรนด์ดิ้งและแคมเปญทางการตลาดแก่แบรนด์สินค้าชั้นนำทั่วโลก อาทิ ฮอยเออร์ (TAG Heuer) แอร์เมส (Hermes) หลุยส์ วิตตอง (Louis Vuitton) แบล็คเบอร์รี่ (BlackBerry) สวิสแอร์ (Swiss International Airlines) มองต์แคลร์ (Mont Clair) บริติช แอร์เวย์ (British Airways) และ อเมริกัน เอ็กซ์เพรส (American Express)