15 ต้นไม้ฟอกอากาศในบ้าน ช่วยดูดสารพิษ สร้างอากาศบริสุทธิ์

การปลูกต้นไม้ภายในบ้านเป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียวที่ช่วยให้บ้านมีความน่าอยู่มากขึ้น อีกทั้งยังช่วยทำให้บรรยากาศภายในบ้านมีความสดชื่น ซึ่งการปลูกต้นไม้ภายในบ้านนั้นจะต้องเลือกต้นไม้ที่มีความเหมาะสมกับสภาพอากาศ เพราะพื้นที่ภายในบ้าน หรืออาคารต่าง ๆ นั้นมักจะโดนแสงน้อย จึงควรเลือกต้นไม้ที่ปลูกในร่มได้ดีอย่าง “ต้นไม้ฟอกอากาศ” ที่นิยมปลูกไว้ภายในบ้านหรือห้องนอน ไม้ฟอกอากาศเหล่านี้นอกจากจะมีความสวยงามแล้ว ยังมีส่วนช่วยในการขจัดฝุ่น ดูดซับสารพิษ และช่วยทำให้อากาศภายในบ้านสะอาดมากขึ้นอีกด้วย สำหรับใครที่กำลังมองหาต้นไม้ฟอกอากาศในบ้าน แสนสิริได้รวบรวม 15 ต้นไม้ฟอกอากาศที่เหมาะกับการปลูกในบ้านมาฝากกัน

ประโยชน์ของต้นไม้ฟอกอากาศในห้องนอน

การปลูกต้นไม้ฟอกอากาศนอกจากจะใช้เพื่อประดับห้องนอนให้มีความเขียวขจี น่าอยู่แล้ว ไม้ฟอกอากาศยังมีประโยชน์ในด้านอื่น ๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเพิ่มมุมสีเขียวภายในห้องนอน ช่วยให้สบายตา และช่วยทำให้อากาศสะอาดขึ้น 

1. ฟอกอากาศให้บริสุทธิ์

เราทราบกันดีอยู่แล้วว่ากระบวนการทำงานของต้นไม้นั้นจะดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon dioxide) ในตอนกลางวัน และจะปล่อยก๊าซออกซิเจน (Oxygen) ระหว่างที่ทำการสังเคราะห์แสง เมื่อถึงเวลากลางคืนต้นไม้ก็จะคายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา ซึ่งการได้รับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในปริมาณมาก ๆ จะส่งผลเสียต่อสุขภาพ ทำให้เกิดอาการมึนงง ปวดหัว บางครั้งอาจรุนแรงจนทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียนได้ แต่การทำงานของต้นไม้ฟอกอากาศนั้นกลับกัน ไม้ฟอกอากาศจะช่วยทำให้อากาศภายในห้องนั้นมีความสะอาดมากขึ้น ช่วยลดมลพิษที่เป็นอันตรายต่อร่างกายอย่างฟอร์มาลดีไฮด์ (Formaldehyde) เบนซิน (Bezene) ไซลีน (Xylene) โทลูอีน (Toluene) และ ไตรคลอโรเอทีลีน (Trichloroethylene)

2. เสริมสร้างสมาธิ

การอยู่ในพื้นที่ที่มีความร่มรื่น หรืออากาศถ่ายเทได้อย่างสะดวกนั้นมีส่วนช่วยให้มีสมาธิที่ดีขึ้น การปลูกต้นไม้ฟอกอากาศภายในบ้านจึงมีส่วนช่วยให้บรรยากาศภายในบ้านมีความสงบ เหมาะสำหรับการพักผ่อน นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่ตีพิมพ์ลงในวารสาร The Journal of Health and Psychology ในปี 2012 พบว่าการทำสวนนั้นสามารถลดความเครียดที่เกิดขึ้นได้อย่างฉับพลัน แสดงให้เห็นว่าพื้นที่สีเขียว และความร่มรื่นของต้นไม้นั้นมีส่วนช่วยเสริมสร้างสมาธิได้

3. ลดความแห้งแล้ง

ความชื้นถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพการนอนให้มีประสิทธิภาพได้ หากห้องนอนนั้นมีความชื้นไม่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นความชื้นที่มากไป หรือน้อยไปก็ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมาได้ สำหรับความชื้นที่เหมาะกับห้องนอนอยู่ที่ประมาณ 30-50% แต่ไม่ควรเกิน 60% ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสุขภาพของแต่ละคนด้วย ดังนั้นการปลูกต้นไม้ฟอกอากาศภายในบ้านเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการเพิ่มความชื้นภายในห้อง ช่วยลดความแห้งแล้ง เมื่อต้นไม้คายน้ำก็จะช่วยให้ห้องมีความชื้นมากขึ้น 

4. ผ่อนคลายจากความเครียด

การปลูกไม้ฟอกอากาศภายในบ้านเป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียวเล็ก ๆ ที่ถือเป็นตัวช่วยที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี นอกจากจะช่วยเพิ่มบรรยากาศให้บ้านมีความสดชื่นแล้ว สีเขียวยังช่วยทำให้รู้สึกสบายตา เมื่อได้มองหรือเห็นก็จะช่วยทำให้สบายได้ 

5. ตกแต่งให้สวยงาม

ไม้ฟอกอากาศนั้นจะมีรูปร่าง และรูปทรงที่แตกต่างกันออกไป หลาย ๆ คนจึงนิยมนำมาใช้ประดับห้องต่าง ๆ ภายในบ้าน ซึ่งการปลูกต้นไม้ฟอกอากาศภายในบ้านนั้นช่วยทำให้บรรยากาศภายในบ้านน่าอยู่ ทำให้รู้สึกมีชีวิตชีวามากขึ้น 

สราญสิริ ศาลายา - ปิ่นเกล้า

บ้านเดี่ยวสไตล์ Urban Farmhouse ใกล้มหิดล – ศาลายา ใกล้คู่ขนานบรมฯ 10 นาที*

ราคาเริ่มต้นที่ 9 ล้านบาท

15 ต้นไม้ฟอกอากาศ ที่ช่วยดูดสารพิษ

ไม้ฟอกอากาศนั้นมีประโยชน์มากมาย อย่างได้ที่กล่าวไปข้างต้น นอกจากใช้ในประดับตกแต่งบ้านให้สวยงามได้แล้ว ยังช่วยฟอกอากาศให้บริสุทธิ์ขึ้นได้อีกด้วย สำหรับใครที่กำลังมองหาต้นไม้ฟอกอากาศ เพื่อจะนำไปปลูกในบ้าน แสนสิริได้รวบรวม 15 ไม้ฟอกอากาศที่สามารถปลูกในบ้านได้มาให้ดูกัน

1. เดหลี (Peace Lily)

ต้นเดหลี (Peace Lily) เป็นไม้ล้มลุกอายุหลายปี ที่มีลักษณะลำต้นสูงประมาณ 40-50 เซนติเมตร ใบเป็นวงรี เรียวยาว อีกทั้งยังมีดอกสีขาวคล้ายดอกหน้าวัว ที่มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ออกดอกให้ชมตลอดทั้งปี เดหลีเป็นไม้ฟอกอากาศที่เหมาะสำหรับการปลูกในบ้าน เพราะมีส่วนช่วยดูดซับสารพิษประเภทกาว อะซิโตน (Acetone) และ ไตรคลอโรเอทิลีน (Trichloroethylene) ที่สามารถพบได้ในน้ำยาลบคำผิด และผลิตภัณฑ์ครัวเรือน สำหรับการดูแลต้นเดหลีนั้นทำได้ง่าย ๆ เพียงรดน้ำวันละสองครั้ง ตั้งไว้ในที่แสงแดดส่องถึงอย่างรำไร ก็ช่วยให้มีการเจริญเติบโตที่ดีแล้ว

2. เบญจมาศ (Chrysanthemum)

เบญจมาศเป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก ที่ออกดอกเป็นช่อ สำหรับรูปทรง และสีของดอกเบญจมาศนั้นจะมีความแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ที่เลือกปลูก ซึ่งดอกเบญจมาศนั้นสามารถปลูกเป็นไม้ฟอกอากาศได้ เพราะช่วยดูดซับสารพิษจากสีทาบ้าน กาว และพลาสติกที่ไม่ได้มาตรฐาน แต่อาจจะต้องเลือกปลูกในพื้นที่ที่แสงแดดส่องถึง เพราะเป็นไม้ที่ชอบแดด และควรหมั่นรดน้ำอยู่เสมอ เพราะใบมีการคายน้ำสูง

3. ปาล์มไผ่ (Bamboo Palm)

ปาล์มไผ่เป็นอีกหนึ่งต้นไม้ฟอกอากาศที่สามารถปลูกในบ้านได้ เพราะมีส่วนช่วยในการกำจัดมลพิษที่ไม่ดีภายในบ้าน โดยเฉพาะสารเบนซีน (Benzene) ที่มาจากควันในการทำอาหาร สำหรับปาล์มไผ่นั้นเป็นต้นปาล์มขนาดเล็ก ใบมีความเรียวยาวคล้ายใบมะพร้าว สูงเพียง 2-3 เมตร สามารถปลูกในกระถางได้ การดูแลต้นปาล์มไผ่นั้นไม่ยุ่งยาก เพราะเป็นไม้ฟอกอากาศที่ทนแล้งได้ปานกลาง ในช่วงฤดูร้อนรดน้ำเพียงสัปดาห์ละ 1 ครั้งก็เพียงพอแล้ว

4. พลูด่าง (Devil's Ivy)

พลูด่างเป็นไม้เลื้อยที่หลาย ๆ คนคุ้นหน้าคุ้นตากันดีอยู่แล้ว สำหรับลักษณะของใบพลูด่างนั้นจะเป็นใบเดี่ยวเรียงสลับกันไป ในช่วงเล็ก ๆ ใบจะมีความคล้ายรูปหัวใจ เมื่อโตใบก็จะเริ่มรีเหมือนรูปไข่มากขึ้น การปลูกพลูด่างภายในบ้านนั้นมีส่วนช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และยังปล่อยออกซิเจนได้ดีอีกด้วย นอกจากจะเป็นต้นไม้ฟอกอากาศแล้ว คนโบราณยังมีความเชื่อว่าการปลูกพลูด่างเป็นไม้มงคล ที่ช่วยให้ชีวิตมีความสุข และราบรื่น

5. ฟิโลเดนดรอน เซลลอม (Selloum Philodendron)

ฟิโลเดรดรอน เซลลอม เป็นไม้ฟอกอากาศที่ช่วยดูดซับสารพิษภายในบ้าน ช่วยให้อากาศในบ้านนั้นสะอาด และสดชื่นมากขึ้น สำหรับต้นฟิโลเดนดรอนนั้นมีลักษณะใบที่มีความสวยงามแปลกตา โดยขอบใบจะเป็นคลื่น หยักลึกลงถึงกลางใบ คล้ายใบมะละกอ มีต้นกำเนิดมาจากเขตป่าฝนแถบอเมริกาใต้ การปลูกจึงต้องการแสงแดดรำไร และชอบความชื้นสูง จึงต้องหมั่นรดน้ำดูแลอย่างสม่ำเสมอ

6. เฟิร์นบอสตัน (Boston Fern)

สำหรับบ้านไหนที่มีความชื้นสูง หรือเกิดเชื้อราในบ้าน นอกจากการกำจัดเชื้อราด้วยวิธีอื่น ๆ แล้ว การปลูกเฟิร์นบอสตันยังมีส่วนช่วยในการดูดซับสารพิษที่เกิดจากเชื้อราภายในบ้านได้อีกด้วย รวมถึงสารฟอร์มาลดีไฮด์ ที่ทำให้เกิดความระคายเคืองกับตาและจมูก ซึ่งเป็นสารที่พบได้ในเครื่องใช้ต่าง ๆ ภายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ ผ้าหุ้มเบาะโซฟา แม้แต่สีทาผนังบ้าน

แสนสิริตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสร้างจุดเปลี่ยนด้านสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ตั้งเป้าหมายสู่การเป็น “องค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์” ในปี 2593

7. มอนสเตอร่า (Monstera)

มอนสเตอร่าเป็นไม้ประดับ ที่ใบมีความโดดเด่นสวยงาม ด้วยลักษณะใบที่ใหญ่เป็นพิเศษ โคนใบเว้าเข้าไปลึก ระหว่างใบมีรอยฉีก ฉลุเข้าไปแบบอิสระ นอกจากความสวยงามของใบแล้ว มอนสเตอร่ายังเป็นต้นไม้ฟอกอากาศ ที่ช่วยดูดซับสารพิษที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพได้เป็นอย่างดีอีกด้วย การดูแลก็ง่าย เพียงปลูกไว้ในบริเวณที่แสงแดดส่องถึง รดน้ำประจำสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง และวางไว้ในพื้นที่ที่มีบริเวณให้ใบได้ขยาย เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้ต้นมอนสเตอร่ามีใบที่เขียวขจี แผ่ได้อย่างสวยงาม

8. ยางอินเดีย (Rubber Plant)

ไม้ฟอกอากาศอีกหนึ่งต้นที่อยากแนะนำให้ปลูกภายในบ้านคือ ต้นยางอินเดีย เป็นไม้ต้นขนาดใหญ่ ที่สามารถสูงได้ถึง 25 เมตร ชอบแสงแดดแบบรำไร มีทรงพุ่มแผ่กว้าง อีกทั้งยังมีใบลักษณะวงรีสีเขียวเข้มที่สวยงามอีกด้วย สำหรับต้นยางอินเดียนั้นไม่ได้มีดีแค่ความสวยงามเท่านั้น แต่ยังมีคุณสมบัติในการขจัดสารพิษภายในห้อง ช่วยเปลี่ยนก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็นก๊าซออกซิเจนที่ดีต่อมนุษย์อีกด้วย

สราญสิริ รามคำแหง

บ้านเดี่ยวซีรีส์ใหม่สไตล์ Modern Farmhouse ใกล้ชิดธรรมชาติ เดินทางสะดวก ใกล้กรุงเทพกรีฑา

ราคาเริ่มต้นที่ 7ล้านบาท

9. เยอบีร่า (Gerbera)

เยอบีร่าเป็นไม้พุ่มที่ใบมีลักษณะเป็นวงรี ขอบใบหยัก ดอกมีสีสันที่สวยงาม นอกจากจะปลูกเพื่อใช้ประดับตกแต่งบ้านให้มีความสดใสแล้ว เยอบีร่ายังเป็นต้นไม้ที่สามารถฟอกอากาศได้ดี ช่วยเปลี่ยนอากาศเสียในบ้าน ให้มีความบริสุทธิ์มากขึ้น นอกจากนี้ด้วยลักษณะของใบ และก้านดอกจะมีขนเล็ก ๆ ขึ้นปกคลุมอยู่ ทำให้มีคุณสมบัติที่ช่วยดักจับฝุ่นละอองเล็ก ๆ ได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญในช่วงเวลากลางคืนต้นเยอบีร่ายังช่วยผลิตออกซิเจนได้ในระดับสูง ชึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิดปกติในการหายใจ

10. ลาเวนเดอร์ (Lavender)

หลาย ๆ คนอาจจะคุ้นเคยกับดอกลาเวนเดอร์กันเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นชา น้ำมันหอมระเหย กลิ่นเทียน หรืออยู่ในน้ำหอม นอกจากประโยชน์เหล่านี้แล้ว ดอกลาเวนเดอร์เองก็สามารถฟอกอากาศได้ดีไม่แพ้ไม้ฟอกอากาศต้นอื่น ๆ เลย ที่สำคัญกลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่ช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ช่วยให้นอนหลับได้สบาย เหมาะสำหรับเป็นต้นไม้ฟอกอากาศในบ้าน

11. ลิ้นมังกร (Snake Plant)

อีกหนึ่งต้นไม้ฟอกอากาศที่ควรเลือกปลูกไว้ภายในห้องนอนคือ “ลิ้นมังกร” เพราะช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และคายก๊าซออกซิเจนออกมาในตอนกลางคืน ช่วยให้ร่างกายได้รับออกซิเจนเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ต้นลิ้นมังกรยังมีคุณสมบัติที่ช่วยดูดซับสารพิษที่ระเหยอยู่ในอากาศได้ดีอีกด้วย สำหรับต้นลิ้นมังกรนั้นจัดเป็นไม้ล้มลุก อายุหลายปี ที่มีความแข็งแรง อีกทั้งยังมีการดูแลที่ง่าย เพียงรดน้ำวันละครั้งก็ช่วยให้ต้นลิ้นมังกรมีความแข็งแรงสมบูรณ์แล้ว

12. ว่านหางจระเข้ (Aloe vera)

ว่านหางจระเข้เป็นพืชที่คนไทยมีความคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี โดยเฉพาะวุ้นว่านหางจระเข้ที่มีคุณสมบัติช่วยในการฆ่าเชื้อ ใช้สมานแผลห้ามเลือด และยังมีส่วนช่วยกระตุ้นเซลล์ใหม่ แต่หลาย ๆ คนอาจจะยังไม่รู้ว่า ว่านหางจระเข้นั้นเป็นไม้ฟอกอากาศที่สามารถดูดซับสารเบนซีนได้เป็นอย่างดี ซึ่งสารเบนซีนนั้นเป็นสารเคมีที่พบได้จากควันบุหรี่ ท่อไอเสีย และไอระเหยที่มาจากผลิตภัณฑ์เคลือบเงาเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้าน สีย้อม และกาว เป็นต้น นอกจากนี้ว่านหางจระเข้ยังช่วยกำจัดสารฟอร์มาลดีไฮด์ ที่มาจากเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านได้อีกด้วย หากร่างกายได้รับฟอร์มาลดีไฮด์ในปริมาณที่มากอาจทำให้เกิดมะเร็งบางชนิด และส่งผลกระทบต่อระบบประสาท

13. เศรษฐีเงินล้าน (Chinese Evergreen)

เศรษฐีเงินล้าน หรือหลาย ๆ คนอาจจะรู้จักกันในชื่อของเขียวหมื่นปี มีลักษณะเป็นพุ่มขนาดเล็ก ใบเป็นสีเขียวปนเทา บริเวณขอบใบ และเส้นกลางใบมีลายสีเขียวสวยงาม สำหรับเศรษฐีเงินล้านนั้นมีคุณสมบัติที่ช่วยดูดซับสารเคมีภายในบ้านได้อย่างดี ช่วยทำให้อากาศมีความสดชื่น และบริสุทธิ์มากขึ้น

14. เศรษฐีเรือนใน (Spider Ivy)

เศรษฐีเรือนในเป็นไม้ล้มลุกขนาดเล็ก สูงเพียง 25-30 เซนติเมตร มีลักษณะใบเรียวยาว โดยขอบใบจะเป็นสีเขียว มีแถบกลางใบเป็นสีขาวครีม ซึ่งต้นเศรษฐีเรือนในนั้นมีคุณสมบัติที่ช่วยกำจัดสาร VOCs (Volatile Organic Compounds) ซึ่งเป็นสารที่สามารถพบได้ในชีวิตประจำวัน จากผลิตภัณฑ์หลาย ๆ อย่าง เช่น สีทาบ้าน ควันบุหรี่ น้ำยาฟอกสี พื้นไวนิล น้ำยาย้อมสีผม และน้ำยาดัดผม เป็นต้น ซึ่งอันตรายของสาร VOCs นั้นจะทำให้เกิดอาการวิงเวียน รู้สึกอยากอาเจียน หรือหนักจนรู้สึกหายใจติดขัดแต่ในกรณีที่ได้รับสารสะสมเป็นเวลานาน อาจเป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็ง และทำให้ระบบส่วนกลางเกิดความเสียหายได้

15. เสน่ห์จันทร์แดง (Homalomena rubescens)

เสน่ห์จันทร์แดง เป็นไม้ประดับที่มีความสวยงาม ด้วยใบที่มีลักษณะเป็นรูปหัวใจ และก้านสีแดงที่ตัดกันอย่างสวยงามลงตัว เป็นอีกหนึ่งต้นไม้ฟอกอากาศที่ช่วยกำจัดแอมโมเนียได้เป็นอย่างดี ซึ่งแอมโมเนียนั้นมีความเป็นพิษสูง หากสูดดมเข้าไปในปริมาณที่มาก จะทำให้เกิดความระคายเคืองกับจมูก และลำคอได้ นอกจากนี้ยังทำให้มีอาการไอ หายใจลำบาก และแน่นหน้าอกอีกด้วย

ข้อควรรู้และพิจารณาก่อนการปลูกไม้ฟอกอากาศในห้องนอน

นอกจากความชอบส่วนตัวแล้ว การเลือกต้นไม้ฟอกอากาศในห้องนอนนั้นควรพิจารณาจากหลาย ๆ องค์ประกอบดังนี้

1. ขนาดของห้อง: เพื่อสร้างบรรยากาศในห้องนอนที่ดูสะอาดและสวยงาม ควรเลือกต้อนไม้ฟอกอากาศที่ขนาดเมื่อโตเต็มที่พอเหมาะกับขนาดของห้องนอน เพื่อให้มีพื้นที่เพียงพอสำหรับการเจริญเติบโตของพืชและไม่ทำให้ห้องดูแออัด
2. แสงและที่วาง: หากห้องนอนของคุณมีแสงน้อยหรือไม่ค่อยเปิดหน้าต่าง ควรเลือกต้นไม้ในร่มที่ไม่ง้อแดด
3. สภาพแวดล้อม: เช่น อุณหภูมิที่และความชื้นในอากาศที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของพืช ควรเลือกต้นไม้ฟอกอากาศในห้องนอนที่เหมาะกับสภาพอากาศเมืองไทย เพื่อที่จะช่วยให้ต้นไม้เจริญเติบโตได้ดี 
4. การดูแล: พืชทุกชนิดมีความต้องการด้านการดูแลที่แตกต่างกัน เช่น การให้น้ำ การตัดแต่งใบ การใส่ปุ๋ย เป็นต้น ควรเลือกไม้ที่ไม่ต้องมีการดูแลรักษาที่พิเศษมากนัก
5. พืชที่เหมาะสม: ควรเลือกพืชกลางคืน หรือ CAM Plant (Crassulacean Acid Metabolism Plant) ซึ่งเป็นพืชที่มีความทนแล้ง สามารถปรับตัวให้กับกับสภาพแวดล้อมได้เป็นอย่างดี มีระบบการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ในตอนกลางวัน และที่สำคัญ มีการคายออกซิเจนในตอนกลางคืน ซึ่งช่วยให้ห้องมีปริมาณออกซิเจนเพิ่มขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาด้านการหายใจ
   

การปลูกไม้ฟอกอากาศในห้องนอนนั้นสามารถเพิ่มคุณภาพชีวิตและสร้างบรรยากาศในห้องได้อย่างดี แต่ต้องจัดการดูแลอย่างถูกต้องเพื่อให้พืชโตเต็มที่และมีประสิทธิภาพในการฟอกอากาศด้วยเช่นกัน 

ขอบคุณที่มา บ้านและสวน, Breeze Technologies, Agweek, SleepSelect, Airgle ประเทศไทย, kapook.com, คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล, ddproperty.com, Kaset today, ร้านดอกไม้ Sweetflower By Issaree, ครูบ้านนอก, ๑๐๘ พรรณไม้ไทย, garden-review.com