โดย Sansiri Editorial Team
อัปเดต :  28/10/2024
โดย Sansiri Editorial  
อัปเดต :  28/10/2024 โฮมแคร์
10 วิธีล้างเครื่องซักผ้า ถังซักผ้า ด้วยตนเองเพื่อกำจัดคราบสกปรก

เครื่องซักผ้า เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ทุกบ้านทุกครอบครัวมีติดบ้านไว้อย่างแน่นอน แต่ทุกคนเคยลองสังเกตไหมว่า เครื่องซักผ้าจากตอนแรกที่ซักสะอาด เสื้อผ้าหอมฟุ้ง เมื่อนานวันไปกลับกลายเป็นมีเศษอะไรก็ไม่รู้มาติดผ้า หรือถ้าแย่กว่านั้นเมื่อสวมใส่เสื้อผ้าที่ซักก็อาจจะเกิดอาการคัน จนบางครั้งเราคิดว่าหรือเราซักผ้าไม่สะอาดหรือเปล่าวันนี้ แสนสิริ จะมาบอกเคล็ดลับวิธีล้างเครื่องซักผ้าที่ใช้ได้ทั้งกับแบบฝาบนและฝาหน้า ซึ่งจะทำให้เครื่องซักผ้าของเราสะอาดดูดีเหมือนใหม่อยู่เสมอ ถ้าอยากรู้แล้วไปติดตามได้จากบทความนี้กันได้เลย




10 วิธีล้างเครื่องซักผ้าด้านใน สำหรับฝาบนและฝาหน้า ด้วยตัวเอง


10 วิธีล้างเครื่องซักผ้าด้วยตัวเองที่ใครก็ทำได้


วิธีที่ 1 น้ำส้มสายชู

น้ำส้มสายชู เป็นหนึ่งในเครื่องปรุงรสสามัญที่ทุกครัวเรือนมักจะมีติดไว้อยู่แล้ว ซึ่งช่วงหลังๆ เริ่มมีคนเห็นความสำคัญมากกว่าการให้รสเปรี้ยวในเมนูอาหาร ต้องขออธิบายเป็นวิทยาศาสตร์แบบนี้ว่าที่น้ำส้มสายชูมีคุณสมบัติทำความสะอาดสิ่งต่างๆ ได้ เนื่องมาจากคุณสมบัติทางเคมีเหล่านี้


  • ความเป็นกรด น้ำส้มสายชูมีกรดอะซิติก (Acetic Acid) ประมาณ 5-7% ซึ่งน้ำส้มสายชูโดยปกติจะมีค่า pH อยู่ที่ประมาณ 2.4 ซึ่งถือว่าเป็นกรดอ่อน กรดอะซิติกเป็นกรดอ่อนๆ ที่สามารถละลายคราบสกปรกต่างๆ เช่น คราบตะกรัน คราบอาหาร คราบไขมัน และคราบน้ำมัน
  • การขจัดคราบตะกรัน กรดอะซิติกในน้ำส้มสายชูสามารถทำปฏิกิริยากับแคลเซียมคาร์บอเนต (CaCO3) ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของคราบตะกรัน เกิดเป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2)น้ำ และแคลเซียมอะซิเตต (Ca(CH3COO)2) ซึ่งละลายน้ำได้ ทำให้คราบตะกรันหลุดออก
  • การฆ่าเชื้อโรค กรดอะซิติกในน้ำส้มสายชูมีฤทธิ์ต้านจุลชีพ สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และไวรัสบางชนิดน้ำส้มสายชูมีคุณสมบัติทำความสะอาดได้ เนื่องด้วยองค์ประกอบทางเคมีหลักคือกรดอะซิติก (Acetic Acid) กรดนี้มีความเป็นกรดอ่อน (Weak Acid) ซึ่งสามารถทำปฏิกิริยาเคมีกับคราบสกปรกหลายประเภท ทำให้คราบสลายตัวและหลุดออกจากพื้นผิว


กลไกการทำความสะอาดของน้ำส้มสายชู

  • การละลายคราบ กรดอะซิติกสามารถละลายคราบตะกรัน แคลเซียมคาร์บอเนต (Calcium Carbonate) สนิม และคราบจากน้ำกระด้าง
  • การขจัดคราบไขมัน กรดอะซิติกสามารถทำปฏิกิริยากับไขมันและน้ำมัน เกิดเป็นสารประกอบที่ละลายน้ำได้ ช่วยขจัดคราบมันบนจานชาม เตา และพื้นผิวอื่นๆ
  • การฆ่าเชื้อ กรดอะซิติกมีคุณสมบัติฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา ป้องกันการเกิดเชื้อราและกลิ่นอับชื้น
  • การขจัดกลิ่น กรดอะซิติกสามารถดูดซับกลิ่นไม่พึงประสงค์ ช่วยให้พื้นผิวสะอาดและสดชื่น


วิธีนำน้ำส้มสายชูมาล้างทำความสะอาดเครื่องซักผ้า

  1. เทน้ำส้มสายชู 2 ถ้วยตวงลงในช่องใส่ผงซักฟอก
  2. เลือกโปรแกรมซักที่มีอุณหภูมิสูงสุด ระยะเวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง
  3. ปล่อยให้เครื่องทำงานจนเสร็จ
  4. น้ำส้มสายชูจะช่วยขจัดคราบสกปรก ตะกอน และแบคทีเรีย
  5. กลิ่นเปรี้ยวของน้ำส้มสายชูจะหายไปภายหลังการซัก




วิธีที่ 2 เบกกิ้งโซดา


ล้างเครื่องซักผ้าด้วยเบกกิ้งโซดา


เบกกิ้งโซดา (Baking Soda) มีชื่อทางเคมี คือ โซเดียมไบคาร์บอเนต (Sodium Bicarbonate) มีฤทธิ์เป็นด่าง มีลักษณะเป็นผงผลึกสีขาวเล็ก ละลายน้ำได้ ไม่มีกลิ่น เบกกิ้งโซดามีคุณสมบัติพิเศษ คือ เมื่อนำไปละลายน้ำจะเกิดเป็นสารละลายที่มีฤทธิ์เป็นด่างอ่อนๆ ซึ่งฤทธิ์ด่างนี้สามารถที่จะทำปฏิกิริยากับกรดในคราบสกปรก ทำให้คราบสลายตัวและหลุดออก ซึ่งเมื่อเราใช้เครื่องซักผ้ามาแล้วเป็นระยะเวลานานอาจเกิดคราบตะกรัน หรือ แคลเซียมคาร์บอเนต (Calcium Carbonate) สะสมและเกาะอยู่ในถังซักผ้า เมื่อเราใส่เบกกิ้งโซดา (ที่ละลายน้ำ) ไปเจอกับแคลเซียมคาร์บอเนต (ตะกรัน) ก็จะเกิดเป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และหลุดลอกออกไป (สลายตัว) จึงสรุปได้ว่าเบกกิ้งโซดา ช่วยกำจัดคราบตะกรัน แบคทีเรียและกลิ่นอับในเครื่องซักผ้า


วิธีนำเบกกิ้งโซดามาล้างเครื่องซักผ้า

  1. เทเบกกิ้งโซดา 1 ถ้วยตวง ลงไปในถัง
  2. กดปุ่มเปิดน้ำเข้าถังซักให้อยู่ในปริมาณพอเหมาะและปั่นเครื่องซักผ้าตามปกติจนเบกกิ้งโซดาละลาย ถอดปลั๊กทิ้งไว้หนึ่งคืนเพื่อให้ทำปฏิกิริยากับสิ่งสกปรกได้อย่างเต็มที่
  3. กดปล่อยน้ำทิ้งในเช้าของอีกวัน และกดเมนูซักผ้าซ้ำอีกครั้งเพื่อล้างสารตกค้างต่าง ๆ ออก โดยที่ยังไม่ต้องใส่ผ้า




วิธีที่ 3 น้ำส้มสายชูผสมเบกกิ้งโซดา

วิธีล้างเครื่องซักผ้าสูตรนี้ถือเป็นการผสมผสานคุณสมบัติเด่นของสารทำความสะอาดแบบธรรมชาติเข้าด้วยกันโดยเมื่อผสมน้ำส้มสายชูกับเบกกิ้งโซดา จะเกิดปฏิกิริยาเคมีระหว่างกรดอะซิติกในน้ำส้มสายชูกับโซเดียมไบคาร์บอเนตในเบกกิ้งโซดา เกิดเป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ฟองที่เกิดขึ้นจะช่วยขจัดคราบสกปรก กลิ่นอับ และฆ่าเชื้อแบคทีเรีย โดยเฉพาะเมื่อเทเบกกิ้งโซดาลงในถังซัก เทน้ำส้มสายชูตามลงไป ฟองที่เกิดขึ้นจะขจัดคราบตะกรัน แบคทีเรีย และกลิ่นอับ


วิธีผสมน้ำส้มสายชูกับเบคกิ้งโซดามาล้างเครื่องซักผ้า

  1. ละลายเบกกิ้งโซดา 3 ช้อนโต๊ะ ด้วยน้ำเปล่า 1-2 ช้อนชา
  2. เมื่อละลายเข้ากันดีแล้ว ให้เทลงช่องผงซักฟอก ตามด้วยน้ำส้มสายชู 250 มิลลิลิตร
  3. กดเลือกโปรแกรมล้างถังซักผ้า
  4. เมื่อเครื่องทำงานเสร็จแล้ว ให้กดล้างถังซักด้วยน้ำเปล่าอีกหนึ่งรอบ




วิธีที่ 4 ผงซักฟอก

ผงซักฟอกเป็นตัวเลือกหนึ่งในวิธีล้างเครื่องซักผ้า โดยสามารถขจัดคราบสกปรก คราบไขมัน คราบแบคทีเรีย และกลิ่นอับได้ แต่ประสิทธิภาพอาจไม่ดีเท่าการใช้น้ำยาทำความสะอาดเครื่องซักผ้าโดยเฉพาะ


วิธีใช้ผงซักฟอกล้างเครื่องซักผ้า

  1. เทผงซักฟอก 1 ถ้วยตวงลงในช่องใส่ผงซักฟอก
  2. เลือกโปรแกรมซักปกติ ให้ระดับน้ำอยู่ในระดับสูงพอสมควรเพื่อให้สะอาดทั่วถึง
  3. ปล่อยให้เครื่องทำงานจนเสร็จ


วิธีนี้เหมาะกับการที่ยังไม่มีทั้งน้ำส้มสายชูหรือเบกกิ้งโซดา แต่อาจจะไม่ได้ประสิทธิภาพเท่ากับสารประกอบ 2 สารที่กล่าวมา




วิธีที่ 5 น้ำยาฟอกขาว

น้ำยาฟอกขาว หรือ บลีช (Bleach) คือ สารเคมีที่มีส่วนผสมหลักคือ โซเดียมไฮโปคลอไรต์ (Sodium Hypochlorite) มีคุณสมบัติช่วยฆ่าเชื้อโรค ขจัดคราบสกปรก และทำให้ผ้าขาวสะอาด แต่มีฤทธิ์กัดกร่อนสูง ควรใช้อย่างระมัดระวัง


น้ำยาฟอกขาวมี 2 ประเภทหลักๆ

  1. น้ำยาฟอกขาวชนิดคลอรีน (Chlorine Bleach) มีฤทธิ์กัดกร่อนสูง เหมาะสำหรับฆ่าเชื้อและขจัดคราบสกปรกบนพื้นผิวที่ทนทาน เช่น พื้นห้องน้ำ กระเบื้อง
  2. น้ำยาฟอกขาวชนิดออกซิเจน (Oxygen Bleach) มีฤทธิ์กัดกร่อนต่ำ เหมาะสำหรับขจัดคราบสกปรกบนผ้า โดยไม่ทำลายเนื้อผ้า


วิธีใช้น้ำยาฟอกขาวล้างเครื่องซักผ้า

  1. ตรวจสอบคู่มือการใช้งานเครื่องซักผ้าว่าสามารถใช้น้ำยาฟอกขาวได้หรือไม่
  2. เทน้ำยาฟอกขาว 1-2 ถ้วยตวงลงในถังซัก
  3. เลือกโปรแกรมซักที่มีอุณหภูมิสูงสุด (ประมาณ 60-90 องศาเซลเซียส)
  4. ปล่อยให้เครื่องซักผ้าทำงานจนเสร็จ (ประมาณ 1 ชั่วโมง)
  5. ล้างถังซักด้วยน้ำเปล่าอีกครั้ง


น้ำยาฟอกขาวสามารถฆ่าเชื้อและขจัดคราบสกปรกในเครื่องซักผ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ควรใช้อย่างระมัดระวัง และตรวจสอบคู่มือการใช้งานเครื่องซักผ้าก่อนใช้งาน




วิธีที่ 6 น้ำยาฆ่าเชื้อ


ล้างเครื่องซักผ้าด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ


น้ำยาฆ่าเชื้อเป็นผลิตภัณฑ์ที่หลายคนคงจะคุ้นเคยและเคยใช้มาบ้าง โดยจุดประสงค์หลักของการใช้น้ำยาฆ่าเชื้อก็เพื่อกำจัดเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อไวรัสก่อโรคต่างๆ ดังนั้นคุณสมบัติในการกำจัดคราบตะกอนหรือตะกรันต่างๆ อาจจะต้องมีการใช้งานร่วมกับน้ำส้มสายชู


วิธีใช้น้ำยาฆ่าเชื้อล้างเครื่องซักผ้า

  1. เทน้ำยาฆ่าเชื้อตามปริมาณที่ระบุบนฉลากลงในช่องใส่ผงซักฟอก
  2. เลือกโปรแกรมซักตามปกติที่เวลา 1-2 ชั่วโมง
  3. ปล่อยให้เครื่องทำงานจนเสร็จแช่ไว้สักพักประมาณ 30 นาที
  4. ล้างถังซักด้วยน้ำเปล่าอีกครั้ง




วิธีที่ 7 แอมโมเนีย

แอมโมเนียเป็นสารเคมีที่มีฤทธิ์เป็นด่าง (alkaline) สามารถขจัดคราบสกปรก คราบไขมัน คราบตะกรัน และฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้


วิธีใช้แอมโมเนียล้างเครื่องซักผ้า

  1. เทแอมโมเนีย 1-2 ถ้วยตวงลงในช่องใส่ผงซักฟอก
  2. เลือกโปรแกรมซักตามปกติที่เวลา 1-2 ชั่วโมง
  3. ปล่อยให้เครื่องทำงานจนเสร็จแช่ไว้สักพักประมาณ 30 นาที
  4. ล้างถังซักด้วยน้ำเปล่าอีกครั้ง




วิธีที่ 8 ดีเกลือฝรั่ง


ล้างเครื่องซักผ้าด้วยดีเกลือฝรั่ง


ดีเกลือฝรั่ง หรือ เกลือ Epsom (Epsom Salt) คือ เกลือซัลเฟตของแมกนีเซียม (Magnesium Sulfate) มีลักษณะเป็นผลึกสีขาว ละลายน้ำได้ง่าย มีคุณสมบัติในการทำความสะอาดชนิดอเนกประสงค์ ยกตัวอย่างเช่น

  • ขจัดคราบสกปรก ดีเกลือฝรั่งมีโมเลกุลขนาดเล็ก สามารถละลายน้ำได้ง่าย ช่วยให้คราบสกปรก คราบไขมัน คราบน้ำมัน คราบอาหาร สลายตัวและหลุดออกจากพื้นผิว
  • ขจัดคราบตะกรัน ดีเกลือฝรั่งสามารถละลายคราบตะกรัน คราบหินปูน ที่เกาะตามพื้นผิวต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ดีเกลือฝรั่งมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา ช่วยป้องกันการเกิดเชื้อราและกลิ่นอับ
  • ขัดถู ดีเกลือฝรั่งมีโมเลกุลขนาดเล็ก ทำหน้าที่เป็นเม็ดขัดถู ช่วยขจัดคราบฝังแน่น คราบสนิม โดยไม่ทำร้ายพื้นผิว
  • ดูดซับกลิ่น ดีเกลือฝรั่งมีคุณสมบัติในการดูดซับกลิ่นไม่พึงประสงค์ ช่วยขจัดกลิ่นอับชื้น กลิ่นอาหาร กลิ่นควัน


วิธีใช้ดีเกลือฝรั่งล้างเครื่องซักผ้า

  1. เทดีเกลือฝรั่ง 1 ถ้วยตามด้วยน้ำส้มสายชู 1 ลิตรลงในถังซัก
  2. กดเดินเครื่องจนกระบวนการปั่นแล้วเสร็จ
  3. แช่สารทิ้งไว้ 30 นาที
  4. ปล่อยให้น้ำไหลออก
  5. ล้างถังซักด้วยน้ำเปล่าอีกครั้ง




วิธีที่ 9 กรดมะนาวและผงวิตามินซี

กรดมะนาวหรือกรด Citric Acid เป็นสารที่สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียและไวรัสหลายชนิด และยังช่วยขจัดคราบและกลิ่นได้ นอกจากนั้นยังใช้ผสมเจลทำความสะอาดมือและกระดาษทิชชู่ ด้วยเช่นกัน Citric Acid หรือกรดมะนาวยังเป็นสารทางเลือกที่ดีกว่าการใช้สารฟอกขาวและคลอรีน ในการผลิตผงซักฟอกและน้ำยาล้างจานอีกด้วย


วิธีใช้กรดมะนาวและผงวิตามินซีล้างเครื่องซักผ้า

  1. ต้มน้ำให้เดือดแล้วปิดแก๊ส เทกรดมะนาว 1 ถ้วยตวง (200 กรัม) ผสมกับผงวิตามินซี 1 ถ้วยตวง (100 กรัม) เมื่อละลายแล้วเทลงในถังซัก
  2. ตั้งโปรแกรมซักปกติ
  3. หลังซักเสร็จแช่ไว้ 30 นาที
  4. ปล่อยให้น้ำไหลออก
  5. ล้างถังซักด้วยน้ำเปล่าอีกครั้ง


*กรดซิตริกเข้มข้นอาจก่อให้เกิดอันตรายกับผู้ใช้งานได้ ดังนั้นจึงควรใช้อย่างระมัดระวัง




วิธีที่ 10 น้ำยาหรือผงล้างเครื่องซักผ้า

การใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับล้างถังซักผ้า จะมีให้เลือกใช้งานหลักๆ ประมาณ 3 รูปแบบ ได้แก่ แบบเม็ดฟู่ แบบผง และชนิดน้ำ โดยปริมาณที่ใช้ก็ขึ้นอยู่กับขนาดความจุของถังซัก เช่น เครื่องซักผ้าขนาดไม่เกิน 7 กิโลกรัมใส่ก้อนฟู่ 2-3 ก้อน ชนิดผงใส่ประมาณ 1 ซอง (100-200 กรัม) และน้ำยาทำความสะอาดใส่ประมาณ 2 ฝา หรือ 100 มิลลิลิตร โดยแนะนำว่าผู้ใช้จะต้องเพิ่มปริมาณผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับขนาดของถังซัก


วิธีใช้น้ำยาหรือผงล้างเครื่องซักผ้า

หากเครื่องซักผ้าที่บ้านของคุณมีโปรแกรมทำความสะอาดถังซัก ก็สามารถกดโปรแกรมล้างถังได้เลย แต่ถ้าไม่มี ให้ใช้โปรแกรมซักแบบปกติ เลือกระดับน้ำสูงสุด เปิดเดินเครื่องประมาณ 10 นาที แล้วปล่อยแช่ทิ้งไว้อีกประมาณ 6 ชั่วโมง ถ้ามีเศษผงหรือตะกอนลอยขึ้นมาให้ตักออก จากนั้นเลือกโปรแกรมซักแบบปกติ เพื่อล้างคราบสกปรกอีกรอบจนกว่าถังจะสะอาด




วิธีล้างเครื่องซักผ้าด้านนอก สำหรับฝาบนและฝาหน้า ด้วยตัวเอง


วิธีล้างเครื่องซักผ้าด้านนอก สำหรับฝาบนและฝาหน้าด้วยตัวเอง


การทำความสะอาดเครื่องซักผ้าไม่เพียงแต่ต้องล้างถังซักผ้าภายในเท่านั้น แต่การดูแลทำความสะอาดด้านนอกก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เนื่องจากด้านนอกเป็นส่วนที่มองเห็นได้ชัดเจน หากมีคราบหรือรอยเปื้อน ควรทำความสะอาดทันที โดยมีวิธีการทำความสะอาดเครื่องซักผ้าด้านนอกสามารถทำได้ ดังนี้


  1. ล้างคราบสกปรกที่ซีลประตู

คราบสกปรกมักจะสะสมอยู่ที่บริเวณซีลประตู โดยมีลักษณะเป็นคราบสีน้ำตาลเกิดจากการสะสมของคราบมัน ซึ่งความสกปรกเหล่านี้อาจมาจากเสื้อผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม หรือการที่ฝาถังไม่ปิดสนิทในขณะที่ยังไม่แห้งดี ซึ่งวิธีล้างเครื่องซักผ้าบริเวณนี้ควรใช้ผ้าชุบน้ำเช็ด หรือใช้แปรงขัดเพื่อขจัดคราบสกปรกออก และควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาที่มีฤทธิ์รุนแรง เพราะอาจทำให้ซีลยางประตูเสียหายได้


  1. ล้างช่องใส่ผงซักฟอกและน้ำยาปรับผ้านุ่ม

การสะสมของผงซักฟอกหรือน้ำยาปรับผ้านุ่มในช่องนี้เป็นเวลานานอาจทำให้เกิดเชื้อรา อุดตันและเกิดคราบเหนียวได้ ส่งผลให้ผงซักฟอกไม่สามารถไหลลงไปในถังได้อย่างเต็มที่ ซึ่งวิธีทำความสะอาดคือการถอดช่องใส่ผงซักฟอกและน้ำยาปรับผ้านุ่มออกมาล้าง โดยใช้แปรงสีฟันขนนุ่มขนาดพอดี ขัดบริเวณที่มีคราบสกปรก จากนั้นปล่อยให้แห้งก่อนนำกลับไปใส่ในเครื่องซักผ้าอีกครั้ง


  1. ล้างตัวกรองปั๊มหรือไส้กรองเครื่องซักผ้า

ในการล้างเครื่องซักผ้าฝาหน้าเพื่อล้างเอาฝุ่น ขี้ผงหรือเส้นผมออกจากตัวกรอง สามารถดึงตัวกรองปั๊มที่อยู่ด้านล่างซ้ายมือออกมาเพื่อทำความสะอาดได้ ส่วนเครื่องซักผ้าฝาบนให้ถอดไส้กรองที่ตั้งอยู่กลางถังออกมาทำความสะอาด โดยต้องเปิดตัวล็อกไส้กรองก่อนที่จะถอดออก


  1. ถอดถังเครื่องซักผ้ามาทำความสะอาด

การล้างถังเครื่องซักผ้าทำให้ลดการอุดตันของสิ่งสกปรกที่จะส่งผลให้ทุกครั้งที่ปั่นแห้งน้ำจะไม่สามารถระบายได้ดี ทำให้เสื้อผ้าของคุณนั้นยังเปียกชื้นแม้จะปั่นแห้งแล้วก็ตาม ซึ่งการทำความสะอาดเครื่องซักผ้าด้านนอกตรงนี้ถือว่ามีความซับซ้อนและท้าทายมาก เนื่องจากต้องการความชำนาญในการถอดถังเครื่องซักผ้าเพื่อทำความสะอาด ซึ่งหากเกิดความผิดพลาดขึ้น อาจส่งผลให้เครื่องซักผ้าเสียหายได้ ดังนั้น การล้างเครื่องซักผ้าโดยการถอดถังควรให้ช่างผู้มีประสบการณ์เข้ามาช่วยดำเนินการจะดีกว่า




วิธีล้างถังซักผ้าง่ายๆ ฉบับรวดเร็วทันใจ


วิธีล้างถังซักผ้า แบบรวดเร็วทันใจ


วิธีที่ 1 ใช้โหมดทำความสะอาดที่มากับเครื่องซักผ้า

เครื่องซักผ้ารุ่นใหม่ๆ หลายรุ่นมีโหมดทำความสะอาดถังซักผ้า (Tub Clean) โดยโหมดนี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้สามารถล้างทำความสะอาดถังซักผ้าได้ด้วยตัวเอง ซึ่งสามารถขจัดคราบสกปรก ตะกอน และแบคทีเรียที่สะสมอยู่ภายในถังซักได้ดีเช่นกัน


วิธีใช้งานโหมดทำความสะอาดถังซักผ้า มีดังต่อไปนี้

  1. ตรวจสอบคู่มือการใช้งานเครื่องซักผ้าของคุณเพื่อดูวิธีการใช้งานโหมดทำความสะอาดถังซักผ้า
  2. เตรียมเครื่องซักผ้าโดย
    • นำเสื้อผ้าทั้งหมดออกจากถังซัก
    • ใส่สารสำหรับทำความสะอาดถังซัก หรือ น้ำยาล้างถังซักผ้า ลงในช่องใส่ผงซักฟอก
    • ปิดฝาเครื่องซักผ้า
  3. เลือกโหมดทำความสะอาดถังซักผ้า
  4. กดปุ่มเริ่มต้นการทำงาน
  5. เครื่องซักผ้าจะทำงานโดยอัตโนมัติ ประมาณ 1-2 ชั่วโมง


วิธีที่ 2 ใช้บริการจ้างทำความสะอาดล้างเครื่องซักผ้า

หากจะพูดถึงความแตกต่างของการทำความสะอาดด้วยตนเองเทียบกับการว่าจ้างผู้ที่มีความชำนาญมาทำงานในจุดนี้ก็ย่อมต้องมีความแตกต่างกันอยู่บ้างทั้งในเรื่องของ


  • ความครบครันของอุปกรณ์ช่าง ซึ่งอุปกรณ์บางอย่างเราไม่มี
  • ความชำนาญในงาน ส่วนนี้ซึ่งจะทำให้งานออกมาดีและใช้เวลาไม่นาน
  • ความรู้เกี่ยวกับสารทำความสะอาดและองค์ประกอบชิ้นส่วนของเครื่องซักผ้า ซึ่งหากผู้ใช้ไม่ชำนาญอาจนำไปสู่การชำรุดเสียหายได้


โดยเราอยากจะยกตัวอย่าง ข้อดีของการใช้บริการจ้างล้างเครื่องซักผ้า มาได้ดังนี้


  • สะอาดหมดจด ผู้เชี่ยวชาญมีเครื่องมือและอุปกรณ์พิเศษที่สามารถทำความสะอาดได้ลึกซึ้งถึงทุกซอกทุกมุม ซึ่งการล้างด้วยตนเองอาจเข้าไม่ถึง
  • สะดวกและประหยัดเวลา ไม่ต้องเสียเวลาและแรงในการล้างเอง ผู้เชี่ยวชาญจะจัดการให้เสร็จสิ้นภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
  • ปลอดภัย ผู้เชี่ยวชาญมีความรู้และประสบการณ์ในการล้างเครื่องซักผ้าอย่างปลอดภัย โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความเสียหาย
  • ยืดอายุการใช้งาน การล้างเครื่องซักผ้าโดยผู้เชี่ยวชาญเป็นประจำ จะช่วยขจัดคราบสกปรก ตะกอน และแบคทีเรีย ที่สะสมอยู่ภายในถังซัก ช่วยให้เครื่องซักผ้าทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยืดอายุการใช้งาน


text-title

Sansiri Living Care มีบริการล้างเครื่องซักผ้า และดูแลสุขภาพบ้านโดยช่างผู้เชี่ยวชาญด้วยคุณภาพและมาตรฐานเพื่อให้คุณมั่นใจ โดยสามารถติดต่อสอบถามได้ที่โครงการ หรือโทร 1685




ทำไมถึงควรล้างเครื่องซักผ้าหรือถังซักผ้า


ทำไมถึงควรล้างเครื่องซักผ้าหรือถังซักผ้า


หลายคนคงสงสัยว่าเครื่องซักผ้าจำเป็นต้องล้างด้วยหรือ ก็ต้องบอกว่า “จำเป็นครับ” โดยเหตุผลว่าทำไมเราถึงต้องล้างเครื่องซักผ้าหรือถังซักผ้าก็มีอยู่ด้วยกันหลายประการ แต่สาเหตุหลักที่เราต้องล้างเครื่องซักผ้าก็เหตุผลในด้านความสะอาดไม่เฉพาะของตัวเครื่องเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเสื้อผ้าที่เรานำไปซักด้วย นอกจากนี้การล้างเครื่องซักผ้ายังสามารถช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องซักผ้าได้อีกด้วย เปรียบเสมือนที่เราล้างแอร์ทุกๆ 6 เดือนนั่นเอง เพื่อความเข้าใจที่ชัดเจนมากขึ้นเราไปดูกันว่าเหตุใดเราจึงจำเป็นต้องล้างเครื่องซักผ้าหรือถังซักผ้ากันด้วยนะ


  1. เพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อโรคและแบคทีเรีย

เครื่องซักผ้าถือเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคและแบคทีเรียชั้นดี เพราะมีองค์ประกอบครบทั้งความชื้น อุณหภูมิที่เหมาะสม และเศษสิ่งสกปรกจากเสื้อผ้า ซึ่งหากไม่ได้รับการทำความสะอาด เชื้อโรคเหล่านี้จะสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลต่อสุขภาพของเรา เช่น เกิดโรคผิวหนัง โรคภูมิแพ้ หรือโรคระบบทางเดินหายใจ


  1. เพื่อขจัดคราบสกปรกและกลิ่นอับ

เมื่อใช้เครื่องซักผ้าไปนานๆ คราบสกปรกและตะกอนต่างๆ จะเข้าสะสมอยู่ตามซอกมุมของเครื่องซักผ้า และเป็นสาเหตุให้เกิดกลิ่นอับชื้น กลิ่นเหม็น และอาจส่งผลต่อผ้าที่เราซัก ทำให้ผ้ามีกลิ่นอับ สีหมอง และเกิดคราบสกปรก


  1. เพื่อยืดอายุการใช้งานของเครื่องซักผ้า

อย่างที่หลายๆคนทราบเครื่องซักผ้านั้นทำหน้าที่ในการนำสิ่งสกปรกออกจากเสื้อผ้า ดังนั้นจะมีทั้งคราบสกปรก ตะกอน และสิ่งปนเปื้อนต่างๆ ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เครื่องซักผ้าทำงานหนักขึ้น ชิ้นส่วนต่างๆ ก็เสื่อมสภาพเร็วขึ้นกว่าเดิม และอาจเกิดปัญหาการใช้งาน เช่น ท่อน้ำเข้าอุดตัน ซักผ้าไม่สะอาด ปั่นผ้าไม่แห้ง ทั้งหมดเหล่านี้เกิดจากสิ่งสกปรกทั้งหมดที่กล่าวมาเข้าไปอุดตันจนทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องซักผ้าลดลง


  1. เพื่อประหยัดน้ำและพลังงาน

ถ้าเครื่องซักผ้าเริ่มสกปรก นั่นแปลว่า สิ่งสกปรกก็สามารถเข้าไปอุดตันได้ และเมื่อเกิดการอุดตันก็ทำให้น้ำไหลเข้าได้ไม่ดี การระบายน้ำก็ไม่ดี เครื่องซักผ้าต้องทำงานหนักขึ้นใช้พลังงานมากขึ้นเพื่อให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพเท่าเดิม ดังนั้นหากเครื่องซักผ้าสะอาดอยู่เสมอ ก็จะทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ช่วยประหยัดน้ำและพลังงานนั่นเอง


  1. เพื่อให้ผ้าสะอาด ไร้กลิ่นอับ

การล้างเครื่องซักผ้าหรือถังซักผ้าเป็นประจำจะช่วยให้เสื้อผ้าที่เราซักสะอาดมากขึ้น ปลอดภัยจากเชื้อโรคและไร้กลิ่นอับ ดังนั้นก็จะเป็นการลดโอกาสที่คุณจะเจ็บป่วยเพราะเชื้อโรคไปได้ในตัวนั่นเอง




ควรล้างเครื่องซักผ้าตอนไหน

การล้างเครื่องซักผ้าเป็นสิ่งสำคัญเพื่อรักษาประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งานของเครื่องซักผ้า ซึ่งสามารถสังเกตได้ตามนี้

  1. ทุกๆ 1-3 เดือน: การล้างเครื่องซักผ้าอย่างสม่ำเสมอช่วยขจัดสิ่งสกปรก ตะกอน และเชื้อราที่อาจสะสมอยู่ได้ โดยเฉพาะในถังซักด้านใน
  2. หลังการซักผ้าหลายครั้ง: หากคุณซักผ้าบ่อย หรือใช้เครื่องซักผ้าหนัก ควรล้างเครื่องให้บ่อยขึ้น เช่น ทุกๆ 1-2 เดือน
  3. เมื่อพบว่าผ้ามีกลิ่นอับ: ถ้าผ้าที่ซักเริ่มมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ หรือมีคราบติดอยู่แม้จะซักเสร็จแล้ว นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าถังซักสกปรกและควรทำความสะอาด
  4. เมื่อพบคราบสกปรกภายในถัง: ถ้าสังเกตเห็นคราบหรือสิ่งสกปรกในถังซัก ให้ล้างทันที
  5. หลังการซักผ้าหนัก เช่น พรม หรือผ้าที่เปื้อนมากๆ: หลังจากซักผ้าที่มีความสกปรกมากหรือมีสิ่งสกปรกติดอยู่ ควรล้างเครื่องเพื่อป้องกันไม่ให้คราบเหล่านั้นตกค้างในเครื่อง

เครื่องซักผ้า ก็เป็นหนึ่งในเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็นสำหรับทุกครัวเรือน ซึ่งถ้าหากเราต้องการให้เครื่องซักผ้าอยู่กับเราไปนานๆ เราก็ต้องหมั่นทำความสะอาดเครื่องซักผ้าอยู่เสมอ โดยอย่างน้อยก็ต้องทำการล้างถังซักผ้าทุกๆ 6 เดือน นอกจากจะเป็นการยืดอายุการใช้งานของเครื่องใช้ไฟฟ้าแล้ว ยังช่วยลดโอกาสที่เสื้อผ้าที่เรานำไปซักจะไม่สะอาดและส่งกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ในขณะที่สวมใส่อีกด้วย


ขอบคุณที่มา nocnoc.com kapook.com q-chang.com

#Tag : DIY
ยูนิตบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม ราคาพิเศษ
เวอร์วัง อลังเซล ลดแรงส่งท้ายปี
Fur Fulfilled แต่งครบจัดให้ ถูกใจโฮ่งเหมียว

คู่มืออสังหาฯยอดนิยม

  1. อัตราดอกเบี้ยบ้าน อัปเดต ปี 2567 ทั้งสินเชื่อบ้าน - คอนโด | แสนสิริ อ่านเพิ่มเติม >


  1. รถไฟฟ้า MRT สายสีชมพู 30 สถานี เชื่อมต่ออะไรบ้าง มาอัปเดตกัน อ่านเพิ่มเติม >


  1. คอนโดเลี้ยงสัตว์ได้ Pet friendly vs. Pet allowed ต่างกันตรงไหน | แสนสิริ อ่านเพิ่มเติม >


  1. เช็กชื่อต้นไม้ สรรพคุณเด่น เติบโตร่ำรวย ปลูกง่ายแม้ในคอนโด | แสนสิริ อ่านเพิ่มเติม >


  1. จัดโต๊ะหมู่บูชายังไงให้ถูกต้อง กับทิศทางการตั้งโต๊ะหมู่บูชา อ่านเพิ่มเติม >


โครงการที่น่าสนใจ

เปิดจองออนไลน์
เอ็กซ์ที พญาไท

เอ็กซ์ที พญาไท

คอนโดใจกลางราชเทวี-พญาไท ใกล้รถไฟฟ้า BTS และแอร์พอร์ตลิงก์ พร้อมพื้นที่ส่วนกลางกว่า 4,500 ตร.ม.

เริ่มต้นที่ 4.99 ล้านบาท
โครงการน่าลงทุน
เดอะ เบส เพชรบุรี - ทองหล่อ

เดอะ เบส เพชรบุรี - ทองหล่อ

คอนโดแต่งครบ พร้อมอยู่ ติดถนนเพชรบุรี วิวสวย ทำเลใจกลางเมือง เพียง 2 นาที จากทองหล่อ*

เริ่มต้นที่ 4.19 ล้านบาท
โครงการพร้อมอยู่
สิริ เพลส ประชาอุทิศ 90

สิริ เพลส ประชาอุทิศ 90

ทาวน์โฮม 2 ชั้น ประชาอุทิศ 90 บนทำเลใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งโรงเรียน โรงพยาบาล และห้างสรรพสินค้า

เริ่มต้นที่ 2.29 ล้านบาท
โครงการพร้อมอยู่
นาราสิริ พหล - วัชรพล

นาราสิริ พหล - วัชรพล

บ้านเดี่ยว พหล- วัชรพล งดงามในทุกรายละเอียด บนทำเลที่โดดเด่นรอบด้าน ใกล้ทางด่วนพิเศษ ถนนวงแหวนรอบนอก และสนามบินดอนเมือง

เริ่มต้นที่ 35 ล้านบาท
โครงการพร้อมอยู่
อณาสิริ รามคำแหง

อณาสิริ รามคำแหง

ทาวน์โฮม พัฒนาการ 2 ชั้น พร้อมอยู่ สไตล์เมดิเตอร์เรเนียน เพียง 7 นาที* ถึง MRT สายสีส้ม สถานีราษฎร์พัฒนา

เริ่มต้นที่ 3.29 ล้านบาท

บทความที่เกี่ยวข้องกับ “โฮมแคร์”

12 วิธีไล่นกพิราบแบบถาวร กำจัดได้ ป้องกันไว้ก่อน

วิธีไล่นกพิราบให้ออกจากบ้านแบบถาวร พร้อมบอกเหตุผลที่ควรรู้ว่าทำไมคุณถึงควรกำจัดนกพิราบก่อนจะสร้างปัญหาให้

ส้วมตันทำไงดี รวม 7 วิธีแก้ส้วมตัน ชักโครกกดไม่ลง

ส้วมตัน ชักโครกกดไม่ลงทำไงดี มาดูเทคนิควิธีแก้ส้วมตันง่าย ๆ ได้ด้วยตัวเอง พร้อมอุปกรณ์แก้ส้วมตันดีๆ ที่ควรมีติดบ้านกัน

วิธีปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ให้อร่อย ไม่ขม แถมปลอดภัย ไร้สารพิษ

การปลูกผักไฮโดรโปนิกส์นั้นสามารถปลูกได้ง่ายกว่าที่คิด แม้ในบริเวณที่พื้นที่น้อย แถมอร่อย ไร้สารพิษ จะมีวิธีปลูกอย่างไรบ้างไปดูกัน

12 วิธีไล่นกพิราบแบบถาวร กำจัดได้ ป้องกันไว้ก่อน

วิธีไล่นกพิราบให้ออกจากบ้านแบบถาวร พร้อมบอกเหตุผลที่ควรรู้ว่าทำไมคุณถึงควรกำจัดนกพิราบก่อนจะสร้างปัญหาให้

ส้วมตันทำไงดี รวม 7 วิธีแก้ส้วมตัน ชักโครกกดไม่ลง

ส้วมตัน ชักโครกกดไม่ลงทำไงดี มาดูเทคนิควิธีแก้ส้วมตันง่าย ๆ ได้ด้วยตัวเอง พร้อมอุปกรณ์แก้ส้วมตันดีๆ ที่ควรมีติดบ้านกัน

ไม่พลาด ข่าวสารและบทความดีๆ

กรุณากรอกข้อมูลเพื่อรับข่าวสาร และข้อมูลสิทธิพิเศษจากแสนสิริก่อนใคร

ประเภทโครงการที่คุณสนใจ


เพื่อให้ท่านทราบวิธีและกระบวนการ ที่เราดำเนินการจัดเก็บข้อมูล วัตถุประสงค์การใช้ข้อมูล ​
ท่านสามารถศึกษารายละเอียด แบบแจ้งเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Notice) ได้ที่นี่ คลิก

ยูนิตบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม ราคาพิเศษ
เวอร์วัง อลังเซล ลดแรงส่งท้ายปี
Fur Fulfilled แต่งครบจัดให้ ถูกใจโฮ่งเหมียว

คู่มืออสังหาฯยอดนิยม

  1. อัตราดอกเบี้ยบ้าน อัปเดต ปี 2567 ทั้งสินเชื่อบ้าน - คอนโด | แสนสิริ อ่านเพิ่มเติม >


  1. รถไฟฟ้า MRT สายสีชมพู 30 สถานี เชื่อมต่ออะไรบ้าง มาอัปเดตกัน อ่านเพิ่มเติม >


  1. คอนโดเลี้ยงสัตว์ได้ Pet friendly vs. Pet allowed ต่างกันตรงไหน | แสนสิริ อ่านเพิ่มเติม >


  1. เช็กชื่อต้นไม้ สรรพคุณเด่น เติบโตร่ำรวย ปลูกง่ายแม้ในคอนโด | แสนสิริ อ่านเพิ่มเติม >


  1. จัดโต๊ะหมู่บูชายังไงให้ถูกต้อง กับทิศทางการตั้งโต๊ะหมู่บูชา อ่านเพิ่มเติม >