โดย อารยา ศิริพยัคฆ์
อัปเดต :  14/08/2024
รีไฟแนนซ์ VS ขอลดดอกเบี้ยบ้านกับธนาคารเดิมแบบไหนคุ้มกว่า

มนุษย์เงินเดือนที่ตัดสินใจกู้เงินซื้อบ้านกับธนาคาร แน่นอนว่าต้องขอข้อเสนอดอกเบี้ยถูกไว้ก่อน ดังนั้นช่วง 3 ปีแรกของการผ่อนบ้าน รูปแบบของดอกเบี้ยที่เจอจะเป็นลักษณะดอกเบี้ยคงที่ (MRR) หลังจากนั้นอัตราดอกเบี้ยจะเข้าสู่ภาวะดอกเบี้ยลอยตัว (MLR) ทันที เหตุนี้จึงทำให้มนุษย์เงินเดือนหลายคนหาทางออกเพื่อไม่ต้องแบกรับภาระดอกเบี้ยที่ผันแปรไปตามเศรษฐกิจและข้อกำหนดของธนาคารแห่งประเทศไทย ด้วยการขอยื่น Refinance กับธนาคารใหม่ หรือไม่ก็ทำการ Retention ทำธนาคารเดิม ซึ่งหลายคนอาจกำลังสับสนว่าการ Refinance กับการ Retention บ้านนั้นคืออะไร ต่างกันแค่ไหน และการผ่อนแบบไหนคุ้มค่ากว่ากัน


การรีไฟแนนซ์บ้านกับรีเทนชั่นธนาคารเดิม

โดยปกติแล้วเมื่อดอกเบี้ยบ้านปรับสูงขึ้นวิธีการลดดอกเบี้ยจะมีอยู่ 2 วิธีด้วยกัน ได้แก่ 

  1. ขอลดดอกเบี้ยบ้านกับธนาคารใหม่ (รีไฟแนนซ์ - Refinance)
  2. ขอลดดอกเบี้ยบ้านกับธนาคารเดิม (รีเทนชั่น - Retention) 




รีไฟแนนซ์ (Refinance)คืออะไร

รีไฟแนนซ์หรือ Refinance คือ การขอยื่นกู้สินเชื่อบ้านกับธนาคารใหม่ เพื่อให้ได้อัตราดอกเบี้ยบ้านต่ำลง ซึ่งจะช่วยให้ยอดผ่อนต่อเดือนน้อยลงและผ่อนบ้านหมดไวยิ่งขึ้น


ข้อดีของการรีไฟแนนซ์ ได้แก่ การลดภาระหนี้สิน ประหยัดดอกเบี้ย ปรับปรุงสภาพคล่องทางการเงิน และสามารถจัดการกับหนี้สินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การรีไฟแนนซ์อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ค่าธรรมเนียมการโอนสินทรัพย์ ค่าประเมินราคา และค่าธรรมเนียมอื่นๆ ดังนั้น ลูกหนี้ควรคำนวณและเปรียบเทียบต้นทุนทั้งหมดก่อนตัดสินใจรีไฟแนนซ์


นอกจากนี้ การรีไฟแนนซ์อาจส่งผลกระทบต่อคะแนนเครดิตในระยะสั้น เนื่องจากการสมัครสินเชื่อใหม่จะถูกบันทึกไว้ในประวัติเครดิต และการปิดบัญชีเดิมอาจลดอายุเฉลี่ยของบัญชีลง โดยรวมแล้ว การรีไฟแนนซ์เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการปรับปรุงสถานะทางการเงินและจัดการหนี้สินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น




รีเทนชั่น (Retention) คืออะไร

รีเทนชั่นหรือ Retention คือ การขอลดอัตราดอกเบี้ยบ้านกับธนาคารเดิม เมื่อคุณผ่อนบ้านในอัตราดอกเบี้ยคงที่จนครบ 3 ปีหรือตามกำหนดในสัญญาแล้ว จะสามารถทำการยื่นเรื่องกับธนาคารเดิมที่ตนเองกู้บ้านเพื่อขอต่อรองอัตราดอกเบี้ยในเรทต่ำได้


การขอลดอัตราดอกเบี้ยบ้านมักจะเกิดขึ้นเมื่ออัตราดอกเบี้ยในตลาดลดลงอย่างมีนัยสำคัญ หรือเมื่อผู้กู้มีสถานะทางการเงินที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เช่น มีรายได้เพิ่มขึ้น มีคะแนนเครดิตที่ดีขึ้น หรือมีหลักประกันที่มากขึ้น ในกรณีเช่นนี้ ผู้กู้สามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้เป็นข้ออ้างในการเจรจาขอลดอัตราดอกเบี้ยกับสถาบันการเงิน


หากได้รับการอนุมัติการลดอัตราดอกเบี้ย ผู้กู้จะได้รับประโยชน์จากการลดภาระค่าใช้จ่ายในการผ่อนชำระหนี้รายเดือน และประหยัดดอกเบี้ยในระยะยาว ซึ่งจะช่วยให้สามารถจ่ายคืนเงินกู้ได้เร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม การขอลดอัตราดอกเบี้ยบ้านอาจมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม เช่น ค่าธรรมเนียมการรีไฟแนนซ์ หรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ดังนั้น ผู้กู้ควรคำนวณและเปรียบเทียบต้นทุนทั้งหมดก่อนตัดสินใจ


นอกจากนี้ การขอลดอัตราดอกเบี้ยบ้านอาจส่งผลกระทบต่อคะแนนเครดิตในระยะสั้น เนื่องจากการยื่นคำขอจะถูกบันทึกไว้ในประวัติเครดิต และอาจมีผลต่ออายุเฉลี่ยของบัญชีด้วย โดยรวมแล้วการขอลดอัตราดอกเบี้ยบ้านกับธนาคารเดิมเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการลดภาระค่าใช้จ่ายและประหยัดดอกเบี้ยในระยะยาว




ความแตกต่างของการรีไฟแนนซ์กับรีเทนชั่น

รีไฟแนนซ์ (Refinance) กับรีเทนชั่น (Retention) เป็นกระบวนการทางการเงินที่มีจุดมุ่งหมายคล้ายคลึงกันในการปรับปรุงเงื่อนไขการกู้ยืมเงินให้ดีขึ้น แต่มีความแตกต่างที่สำคัญดังนี้


ความแตกต่าง รีไฟแนนซ์ (Refinance) รีเทนชั่น (Retention)
  1. วัตถุประสงค์หลัก
มีวัตถุประสงค์เพื่อกู้ยืมเงินจากแหล่งใหม่เพื่อนำมาชำระหนี้เดิมทั้งหมด โดยมักได้รับเงื่อนไขที่ดีกว่าเดิม เช่น อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า ระยะเวลาผ่อนชำระนานขึ้น หรือจำนวนเงินผ่อนชำระรายเดือนลดลง มีวัตถุประสงค์เพื่อขอลดอัตราดอกเบี้ยของสัญญาเดิมที่มีอยู่กับสถาบันการเงินปัจจุบัน โดยไม่มีการกู้ยืมเงินใหม่หรือเปลี่ยนสถาบันการเงิน
  1. กระบวนการและขั้นตอนในการยื่น
ต้องผ่านกระบวนการสมัครกู้ยืมเงินใหม่ทั้งหมด รวมถึงการประเมินสินเชื่อและการอนุมัติจากสถาบันการเงินใหม่ เป็นการเจรจากับสถาบันการเงินปัจจุบันเพื่อขอลดอัตราดอกเบี้ย โดยไม่จำเป็นต้องผ่านกระบวนการสมัครกู้ยืมเงินใหม่ทั้งหมด
  1. การทำสัญญา
จะมีการปิดบัญชีสินเชื่อเดิมและทำสัญญาสินเชื่อใหม่ สัญญาเดิมจะถูกยกเลิกและไม่มีผลบังคับใช้อีกต่อไป สัญญาเดิมยังคงมีผลบังคับใช้ต่อไป เพียงแต่มีการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยเท่านั้น
  1. ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง
อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ค่าธรรมเนียมการโอนสินทรัพย์ ค่าประเมินราคา และค่าธรรมเนียมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการกู้ยืมใหม่ มักจะมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าหรือไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เนื่องจากเป็นเพียงการเจรจาปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยภายใต้สัญญาเดิม
  1. ผลกระทบต่อคะแนนเครดิต
อาจส่งผลกระทบต่อคะแนนเครดิตในระยะสั้น เนื่องจากการสมัครสินเชื่อใหม่จะถูกบันทึกไว้ในประวัติเครดิต มีผลกระทบต่อคะแนนเครดิตน้อยกว่า เนื่องจากไม่ได้มีการสมัครสินเชื่อใหม่หรือเปิดบัญชีใหม่

ทำไมต้องขอลดดอกเบี้ยบ้าน

การขอลดอัตราดอกเบี้ยบ้าน หรือ รีเทนชั่น (Retention) เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มีสินเชื่อบ้านในปัจจุบัน ด้วยเหตุผลหลักดังต่อไปนี้

  1. ลดภาระค่าใช้จ่ายรายเดือน เมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง ก็จะส่งผลให้จำนวนเงินที่ต้องจ่ายผ่อนชำระรายเดือนลดลงด้วย ช่วยให้มีเงินเหลือใช้จ่ายในส่วนอื่น ๆ มากขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์โดยเฉพาะในช่วงเศรษฐกิจถดถอยหรือรายได้ลดลง
  2. ประหยัดดอกเบี้ยในระยะยาว การลดอัตราดอกเบี้ยจะช่วยให้ประหยัดเงินดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายไปในระยะยาวได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งจะทำให้สามารถชำระหนี้ได้เร็วขึ้นหรือใช้เงินในส่วนที่ประหยัดได้สำหรับวัตถุประสงค์อื่น ๆ
  3. ไม่ต้องเปลี่ยนสัญญา การขอลดอัตราดอกเบี้ยบ้านกับธนาคารเดิมไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงสัญญาเดิม จึงไม่มีค่าธรรมเนียมหรือค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมมากนัก ซึ่งแตกต่างจากการรีไฟแนนซ์บ้านที่อาจมีค่าธรรมเนียมสูง
  4. ไม่กระทบคะแนนเครดิต เนื่องจากเป็นเพียงการเจรจากับสถาบันการเงินเดิม จึงไม่ถือว่าเป็นการสมัครสินเชื่อใหม่ จึงมีผลกระทบต่อคะแนนเครดิตน้อยกว่าการรีไฟแนนซ์
  5. สะดวกและรวดเร็ว กระบวนการขอลดอัตราดอกเบี้ยบ้านมักจะสะดวกและรวดเร็วกว่าการรีไฟแนนซ์ เนื่องจากไม่ต้องผ่านขั้นตอนการสมัครสินเชื่อใหม่ทั้งหมด




ขั้นตอนการขอรีไฟแนนซ์ และขั้นตอนการขอลดดอกเบี้ย


ขั้นตอนขอรีไฟแนนซ์บ้านธนาคารเดิม

8 ขั้นตอนในการรีไฟแนนซ์บ้าน (Refinance) ขอลดดอกเบี้ยบ้าน

  1. ติดต่อกับธนาคารเดิมเพื่อขอรายการสรุปยอดหนี้สินเชื่อบ้าน โดยค่าใช้จ่ายในขั้นนี้ขึ้นอยู่กับธนาคารนั้น ๆ บางธนาคารอาจไม่มีค่าใช้จ่าย
  2. หลังจากได้รายการยอดหนี้ที่ต้องการแล้ว นำเอกสารดังกล่าวไปยื่นขอรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารใหม่ (ในกรณีที่คุณพิจารณาแล้วว่าการรีเทนชั่นอาจจะคุ้มกว่าก็สามารถยื่นกับธนาคารเดิมได้)
  3. เจ้าหน้าที่จะประเมินมูลค่าบ้านหรือทรัพย์สินที่เราต้องการรีไฟแนนซ์
  4. รอฟังผลการอนุมัติจากธนาคาร
  5. หากได้รับการอนุมัติสินเชื่อแล้ว ให้ดำเนินการติดต่อกับธนาคารเก่านัดวันไถ่ถอนที่สำนักงานที่ดิน นำเอกสารไปไถ่ถอนบ้านจากสินเชื่อเดิม คิดยอดที่ต้องจ่ายเป็นเงินต้นบวกดอกเบี้ย (นับจนถึงวันไถ่ถอน)
  6. ติดต่อกับธนาคารใหม่ที่ต้องการรีไฟแนนซ์บ้าน เพื่อทำสัญญาสินเชื่อใหม่ โดยนัดวันทำสัญญาและโอนบ้านที่ใช้จำนอง อย่าลืมนัดทั้ง 2 ธนาคารมาภายในวันเดียวกัน เพื่อชำระหนี้
  7. ไปที่สำนักงานที่ดิน ณ เขตที่ตั้งของทรัพย์สิน เพื่อทำเรื่องโอนกรรมสิทธิ์ โดยมีเจ้าหน้าที่จากทั้งสองธนาคารไปด้วย
  8. มอบโฉนดที่ได้มาจากสำนักงานที่ดินให้กับธนาคารใหม่ เป็นอันเสร็จสิ้น


ขอลดดอกเบี้ยบ้านกับธนาคารเดิม

  1. เตรียมเอกสารในการทำเรื่อง ได้แก่ สัญญาเงินกู้ ทะเบียนบ้าน และบัตรประชาชนของผู้กู้
  2. เข้าไปทำเรื่องเจรจาต่อรองขอลดอัตราดอกเบี้ย กับธนาคารที่ได้ทำการผ่อนชำระบ้านอยู่
  3. รอผลการพิจารณาอนุมัติ ซึ่งมักจะไม่นานประมาณ 7 วันทำการ
  4. อาจจะต้องเสียค่าธรรมเนียมเล็กน้อย แค่ประมาณ 1-2% ของวงเงินกู้




คำนวณความคุ้มค่าระหว่าง Retention VS Refinance

เมื่อเข้าใจความหมายและวัตถุประสงค์ของทั้งสองคำแล้ว ถึงเวลาที่มนุษย์เงินเดือนมาค้นหาคำตอบความคุ้มค่าของวิธีการยื่นเรื่องกับธนาคารเพื่อให้ได้อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัยในเรทต่ำ ดังตัวอย่าง


แผนผังเปรียบเทียบ Refinance VS Retention ดอกเบี้ยบ้าน แผนผังเปรียบเทียบ Refinance VS Retention ดอกเบี้ยบ้าน


นายแสนกู้เงินซื้อบ้านโครงการสิริ เพลส ราชพฤกษ์-นครอินทร์ ราคา 4 ล้านบาท โดยยื่นกู้กับธนาคาร โดยมีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยปีละ 4.52% ผ่อนเดือนละ 20,315 บาท และตัดสินใจทำการ Retention ดอกเบี้ยบ้านกับธนาคารเดิมจะได้อัตราดอกเบี้ยลดลงเหลือปีละ 4.00% ทำให้มียอดผ่อนลดลงเหลือเดือนละ 19,097 บาท ทำให้ประหยัดไป 1,218 บาท/เดือน


นางสิริกู้เงินซื้อบ้านโครงการอณาสิริ ติวานนท์-ศรีสมาน ในราคา 5.59 ล้านบาท โดยยื่นกู้กับธนาคารเดิม โดยมีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยปีละ 4.52% ผ่อนเดือนละ 28,390 บาท และตัดสินใจทำการ Refinance กับธนาคารใหม่จะได้อัตราดอกเบี้ยลดลงเหลือปีละ 3.66% ทำให้มียอดผ่อนลดลงเหลือเดือนละ 25,603 บาท ทำให้ประหยัดไป 2,787 บาท/เดือน


จากตัวอย่างข้างต้น ทำให้เห็นว่าวิธีการขออัตราดอกเบี้ยบ้านในเรทต่ำกับธนาคารด้วยการ Refinance นั้นทำให้มีเงินประหยัดต่อเดือน และคุ้มค่ามากกว่าการ Retention ดอกเบี้ยบ้านกับธนาคารเดิม


สรุปข้อดี ข้อเสียของ Retention VS Refinance


รีเทนชั่น Retention รีไฟแนนซ์ Refinance

ข้อดี

  1. การ Retention ดอกเบี้ยบ้านกับธนาคารเดิมไม่ต้องเสียเวลายื่นเอกสาร ติดต่อกับธนาคารใหม่ เตรียมแค่สัญญาเงินกู้ ทะเบียนบ้าน และบัตรประชาชน
  2. มีค่าใช้จ่ายเพียงแค่ค่าธรรมเนียมสินเชื่อ 1-2% ของวงเงินกู้
  3. ระยะเวลาในการอนุมัติรวดเร็ว

ข้อดี

  1. ได้อัตราดอกเบี้ยในเรทต่ำ
  2. สามารถเปรียบเทียบเลือกอัตราดอกเบี้ยในเรทต่ำได้หลายธนาคาร

ข้อเสีย

ได้ลดอัตราดอกเบี้ยไม่เยอะ โดยอัตราดอกเบี้ยจะเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด

ข้อเสีย

  1. เตรียมเอกสารการขอกู้ใหม่ทั้งหมด
  2. มีค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายดังนี้
    • การจัดการสินเชื่อตามสัญญาใหม่ 0-3%
    • ค่าธรรมเนียมในการจำนอง 1%
    • ค่าอากรแสตมป์ 0.05%
    • ค่าประเมินราคาหลักประกัน 0.25-2%
    • ค่าประกันอัคคีภัย
  3. ใช้เวลาในการอนุมัติ


สรุปเกี่ยวกับการรีไฟแนนซ์ กับรีเทนชั่น หรือการขอลดดอกเบี้ยบ้านกับธนาคารเดิม

รีไฟแนนซ์กับรีเทนชั่นล้วนเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่กำลังผ่อนบ้านและต้องการปรับปรุงเงื่อนไขการผ่อนชำระหนี้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ทางการเงินของตนเองมากขึ้น โดยการรีไฟแนนซ์ เหมาะกับผู้กู้ที่ต้องการให้เงินงวดผ่อนชำระต่ำลง ในขณะที่การขอลดดอกเบี้ยบ้านกับธนาคารเดิม หรือ ที่เรียกว่าการรีเทนชั่นนั้น เหมาะสำหรับผู้กู้ที่มีประวัติการชำระหนี้ดี มีรายได้มั่นคง และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับธนาคาร ซึ่งเปิดโอกาสให้เจรจาและขอปรับเงื่อนไขได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายและเวลาในการดำเนินการมากเท่ารีไฟแนนซ์


ทั้งนี้การเลือกรีไฟแนนซ์หรือรีเทนชั่น ควรประเมินสถานการณ์อย่างรอบคอบ เปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย และเลือกวิธีที่เหมาะสมกับความต้องการ สถานการณ์ และเงื่อนไขส่วนตัวของผู้ขอกู้จะดีที่สุด


Refinance VS Retention จะย้าย หรือ อยู่เดี๋ยวดูกัน! : The Finance เชี่ยว EP. 20



รู้ทันเรื่องค่าธรรมเนียมโอนบ้าน คอนโด และทาวน์โฮม


คำถามที่พบบ่อย


Q :

ขอปรับลดดอกเบี้ยบ้านได้กี่ครั้ง

A :

ถ้าหากผู้กู้มีประวัติการชำระหนี้ที่ดี ไม่เคยชำระล่าช้า ตามปกติแล้วธนาคารอาจพิจารณาให้สามารถทำการรีเทนชั่นได้ทุก 3 ปี โดยต้องเข้าไปติดต่อธนาคารหรือสถาบันการเงินตามขั้นตอนที่กล่าวไปข้างต้น แต่หากว่าวงเงินเหลือต่ำกว่า 1,000,000 บาท ในบางกรณีอาจจะขอรีเทนชั่นไม่ได้ แนะนำให้ติดต่อสอบถามเงื่อนไขกับธนาคารเพิ่มเติม


Q :

รีไฟแนนซ์ก่อนครบ 3 ปีได้ไหม

A :

ได้ แต่ในกรณีที่เรารีไฟแนนซ์บ้านโดยยังไม่ครบกำหนด 3 ปี จะมีค่าปรับประมาณ 3% ของวงเงินกู้ ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละธนาคาร ดังนั้นผู้กู้จึงไม่ควรรีบรีไฟแนนซ์ก่อน 3 ปี


Q :

การขอรีเทนชั่นใช้เวลาเท่าไหร่

A :

การขอรีเทนชั่นกับธนาคารเดิมจะใช้ระยะเวลาประมาณ 7 วันทำการ


Q :

การขอลดดอกเบี้ยกับธนาคารเดิมเสียค่าใช้จ่ายไหม

A :

การขอลดดอกเบี้ยบ้านธนาคารเดิม หรือ Retention จะมีค่าธรรมเนียมอยู่ที่ 1-2% ของวงเงินกู้ที่เหลืออยู่ หรือตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด


A :

การรีไฟแนนซ์บ้านจะมีค่าใช้จ่ายหลักๆ อยู่ 3 รายการ ได้แก่

  1. ค่าปรับกรณีไถ่ถอนหลักประกันบ้าน ทาวน์โฮม คอนโดก่อนกำหนด
  2. ค่าใช้จ่ายในการขอรีไฟแนนซ์ กับธนาคารอื่น
  3. ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น ณ กรมที่ดิน
เวอร์วัง อลังเซล ลดแรงส่งท้ายปี
Fur Fulfilled แต่งครบจัดให้ ถูกใจโฮ่งเหมียว

คู่มืออสังหาฯยอดนิยม

  1. อัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ (Refinance) บ้าน คอนโด 2567 ที่ไหนดี | แสนสิริ อ่านเพิ่มเติม >


  1. 15 ต้นไม้ฟอกอากาศในบ้าน ช่วยดูดสารพิษ สร้างอากาศบริสุทธิ์ | แสนสิริ อ่านเพิ่มเติม >


  1. ย้ายเข้าบ้านใหม่วันไหนดี ต้องทำอะไรบ้าง ตามวันเกิด ปี 2567 | แสนสิริ อ่านเพิ่มเติม >


  1. ค่าโอนบ้านพร้อมที่ดิน คอนโด ทาวน์โฮม จ่ายเท่าไหร่ คำนวณยังไง | แสนสิริ อ่านเพิ่มเติม >


  1. ซื้อบ้านราคา 8-10 ล้าน ต้องผ่อนบ้านเดือนละเท่าไหร่ถึงจะพอ | แสนสิริ อ่านเพิ่มเติม >


โครงการที่น่าสนใจ

โครงการน่าลงทุน
เดอะ เบส เพชรบุรี - ทองหล่อ

เดอะ เบส เพชรบุรี - ทองหล่อ

คอนโดแต่งครบ พร้อมอยู่ ติดถนนเพชรบุรี วิวสวย ทำเลใจกลางเมือง เพียง 2 นาที จากทองหล่อ*

เริ่มต้นที่ 4.19 ล้านบาท
โครงการพร้อมอยู่
สิริ เพลส เมกาบางนา

สิริ เพลส เมกาบางนา

ทาวน์โฮมพร้อมอยู่ ดีไซน์ปารีส บรรยากาศทะเลสาบ ส่วนกลางครบขนาดใหญ่ ทำเลดีใกล้ทางด่วน และเมกาบางนา

เริ่มต้นที่ 3.39 ล้านบาท
โครงการน่าลงทุน
โฟล บาย แสนสิริ

โฟล บาย แสนสิริ

คอนโดทำเลดี วิวแม่น้ำเจ้าพระยา ใกล้ Icon Siam และรถไฟฟ้า เพียง 350 เมตร จาก BTS สถานีคลองสาน

เริ่มต้นที่ 3.05 ล้านบาท
เปิดจองออนไลน์
เดอะ ไลน์ ไวบ์

เดอะ ไลน์ ไวบ์

คอนโด ลาดพร้าว คอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้า พร้อมส่วนกลางขนาดใหญ่กว่า 9.7 ไร่* เพียง 300 ม. จาก BTS ห้าแยกลาดพร้าว ติดโลตัส ตรงข้ามเซ็นทรัลลาดพร้าว

เริ่มต้นที่ 3.89 ล้านบาท
โครงการพร้อมอยู่
บูก้าน กรุงเทพกรีฑา

บูก้าน กรุงเทพกรีฑา

บ้านเดี่ยว กรุงเทพกรีฑา กับครั้งแรกบนทำเลกรุงเทพกรีฑา บ้านที่ดีไซน์จากความเข้าใจ ถึงไลฟ์สไตล์ของคุณที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร ในสังคมส่วนตัวสูงสุด

เริ่มต้นที่ 38 ล้านบาท
โครงการพร้อมอยู่
อณาสิริ สรงประภา

อณาสิริ สรงประภา

บ้านเดี่ยวและบ้านแฝด ดอนเมือง สไตล์ญี่ปุ่น บรรยากาศเมืองเกียวโต ความสะดวกใจกลางเมือง ใกล้ทางด่วน และรถไฟฟ้าสายสีแดง

เริ่มต้นที่ 5.99 ล้านบาท
โครงการพร้อมอยู่
อณาสิริ ติวานนท์ - ศรีสมาน

อณาสิริ ติวานนท์ - ศรีสมาน

บ้านเดี่ยว บ้านแฝด สไตล์ญี่ปุ่น ทำเลสะดวก ติดถนนใหญ่ ใกล้ทางด่วน เติมเต็มทุกความสุข ใช้ชีวิตได้มากกว่า

เริ่มต้นที่ 5.39 ล้านบาท
โครงการใหม่
สิริ เพลส ราชพฤกษ์ - นครอินทร์

สิริ เพลส ราชพฤกษ์ - นครอินทร์

ทาวน์โฮม ราชพฤกษ์ 2 ชั้น หน้าสวน 4 ห้องนอน ใกล้ทางด่วนศรีรัช-จตุจักร The Walk และวงเวียนพระราม 5

เริ่มต้นที่ 3.29 ล้านบาท
โครงการพร้อมอยู่
อณาสิริ กรุงเทพ - ปทุมธานี 2

อณาสิริ กรุงเทพ - ปทุมธานี 2

บ้านเดี่ยว และบ้านแฝด ปทุมธานี สไตล์ญี่ปุ่น ใกล้พื้นที่สีเขียวสนามกอล์ฟขนาดใหญ่ เชื่อมต่อเมืองง่าย ใกล้ 2 ทางด่วน

เริ่มต้นที่ 4.19 ล้านบาท
โครงการพร้อมอยู่
ดีคอนโด ไฮป์ รังสิต

ดีคอนโด ไฮป์ รังสิต

คอนโด รังสิต ใกล้มหาวิทยาลัย ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต คอนโดทำเลดีอยู่ติดถนนใหญ่ ตรงข้ามมหาวิทยาลัยกรุงเทพ

เริ่มต้นที่ 1.79 ล้านบาท

บทความที่เกี่ยวข้องกับ “สินเชื่อและการเงิน”

อัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ (Refinance) บ้าน คอนโด 2567 ที่ไหนดี

ดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ บ้าน คอนโด (Refinance) ปี 2567 ธนาคารไหนดี เปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารชั้นนำ และเครื่องมือคำนวณเงินกู้เบื้องต้น

ซื้อบ้านราคา 8-10 ล้าน ต้องผ่อนบ้านเดือนละเท่าไหร่ถึงจะพอ

ซื้อบ้านราคา 8-10 ล้านผ่อนบ้านเดือนละเท่าไหร่ดีถึงจะไม่ต้องกังวล ปัญหานี้จะหมดไป เมื่อได้ความรู้เรื่องการกู้ซื้อบ้านจากแสนสิริ

อัตราดอกเบี้ยบ้าน อัปเดต ปี 2567 ทั้งสินเชื่อบ้าน - คอนโด

อัตราดอกเบี้ยบ้าน อัปเดตประจำปี 2567 จากธนาคารชั้นนำ พร้อมสาระความรู้เกี่ยวกับดอกเบี้ยบ้าน และเครื่องมือคำนวณเงินกู้เบื้องต้น

อัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ (Refinance) บ้าน คอนโด 2567 ที่ไหนดี

ดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ บ้าน คอนโด (Refinance) ปี 2567 ธนาคารไหนดี เปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารชั้นนำ และเครื่องมือคำนวณเงินกู้เบื้องต้น

ซื้อบ้านราคา 8-10 ล้าน ต้องผ่อนบ้านเดือนละเท่าไหร่ถึงจะพอ

ซื้อบ้านราคา 8-10 ล้านผ่อนบ้านเดือนละเท่าไหร่ดีถึงจะไม่ต้องกังวล ปัญหานี้จะหมดไป เมื่อได้ความรู้เรื่องการกู้ซื้อบ้านจากแสนสิริ

ไม่พลาด ข่าวสารและบทความดีๆ

กรุณากรอกข้อมูลเพื่อรับข่าวสาร และข้อมูลสิทธิพิเศษจากแสนสิริก่อนใคร

ประเภทโครงการที่คุณสนใจ


เพื่อให้ท่านทราบวิธีและกระบวนการ ที่เราดำเนินการจัดเก็บข้อมูล วัตถุประสงค์การใช้ข้อมูล ​
ท่านสามารถศึกษารายละเอียด แบบแจ้งเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Notice) ได้ที่นี่ คลิก

เวอร์วัง อลังเซล ลดแรงส่งท้ายปี
Fur Fulfilled แต่งครบจัดให้ ถูกใจโฮ่งเหมียว

คู่มืออสังหาฯยอดนิยม

  1. อัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ (Refinance) บ้าน คอนโด 2567 ที่ไหนดี | แสนสิริ อ่านเพิ่มเติม >


  1. 15 ต้นไม้ฟอกอากาศในบ้าน ช่วยดูดสารพิษ สร้างอากาศบริสุทธิ์ | แสนสิริ อ่านเพิ่มเติม >


  1. ย้ายเข้าบ้านใหม่วันไหนดี ต้องทำอะไรบ้าง ตามวันเกิด ปี 2567 | แสนสิริ อ่านเพิ่มเติม >


  1. ค่าโอนบ้านพร้อมที่ดิน คอนโด ทาวน์โฮม จ่ายเท่าไหร่ คำนวณยังไง | แสนสิริ อ่านเพิ่มเติม >


  1. ซื้อบ้านราคา 8-10 ล้าน ต้องผ่อนบ้านเดือนละเท่าไหร่ถึงจะพอ | แสนสิริ อ่านเพิ่มเติม >