แน่นอนว่าในยุคเศรษฐกิจที่ดูเหมือนยังมีขึ้น มีลง เช่นนี้ กลุ่มนักลงทุนที่หวังอยากแสวงหากำไรจากอสังหาฯ หรือผู้เริ่มต้นลงทุนอสังหาฯ ต่างจำเป็นต้องศึกษาสภาพตลาดอย่างละเอียดถี่ถ้วน รวมไปถึงอัตราผลตอบแทนอย่าง Yield อันเปรียบเสมือนเป็นหัวใจหลักสำคัญที่ทำให้ได้กำไรอย่างที่หวัง โดยไม่ต้องแบกรับภาระที่สามารถเกิดขึ้นได้ในอนาคต
Yield (ยิลด์) หนึ่งในศัพท์อสังหาฯ ที่หมายถึง ผลตอบแทนในการลงทุนปล่อยเช่าคอนโด ซึ่งเป็นหัวใจหลักสำคัญในการลงทุนอสังหาฯ รวมทั้งเปรียบเสมือนเป็นตัวช่วยให้นักลงทุนสามารถกำหนดราคาเช่าสอดคล้องกับสภาพตลาดและทำเลที่ตั้งของโครงการ ทั้งนี้คำจำกัดความของ Yield ถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
เกิดขึ้นจากการคิดคำนวณต้นทุนราคาห้องชุดที่ซื้อและค่าเช่าที่คาดว่าจะได้รับจากการปล่อยเช่าคอนโด ซึ่งทำให้นักลงทุนรู้ถึงจำนวนผลตอบแทนที่ได้ตลอดปี โดยแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่
ซึ่งเปรียบเสมือนกลยุทธ์ทางการตลาดรูปแบบหนึ่งที่ทางผู้ประกอบการได้กำหนดผลประโยชน์เป็นตัวเลขและเวลาที่ชัดเจน เพื่อคืนให้กับผู้ซื้อหรือนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนจากการถือครองห้องชุด ทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจต่อการลงทุนโครงการดังกล่าว ทั้งนี้รูปแบบของการการันตีผลตอบแทนนี้ มักพบในทำเลที่มีปริมาณความต้องการเช่ามากกว่าซื้ออยู่เอง ส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ในเมืองท่องเที่ยว หรือแหล่งงานขนาดใหญ่ที่มีชาวต่างชาติกระจุกอยู่เป็นจำนวนมาก
วิธีคิด Yield หรือ % ของ Yield โดยทั่วไป มีสูตรดังนี้ (รายได้สุทธิที่คาดว่าจะได้รับตลอดปี / ต้นทุน) X 100 = อัตราผลตอบแทนสุทธิ (%) แต่ก่อนที่จะลงมือคิดคำนวณผลตอบแทน (Yield) ที่เหล่านักลงทุนทั้งหลายจะได้รับ แนะนำว่าต้องทำความเข้าใจกับประเภทของ Rental Yield ให้อย่างถ่องแท้เสียก่อน เพื่อจะได้เข้าใจความแตกต่างขององค์ประกอบที่คำนวณในแต่ละสูตรดังนี้
1. Gross Rental Yield (อัตราผลตอบแทนจากการให้เช่าเบื้องต้น) |
||
---|---|---|
ค่าเช่าที่คาดว่าจะได้รับตลอดปี
ราคาอสังหาริมทรัพย์ที่ซื้อมา
x 100
|
||
ตัวอย่าง :
ปล่อยเช่าคอนโดอ่อนนุชที่ซื้อมาในราคา 2,500,000 บาท ในราคาค่าเช่าเดือนละ 15,000
บาทโดยคาดว่าผู้เช่าจะอยู่ในสัญญาเช่าตลอดทั้งปีคือ 12 เดือน หรือ 1 ปี
ดังนั้นค่าเช่าที่คาดว่าจะได้รับจากการปล่อยเช่าคอนโดตลอดทั้งปีจะเท่ากับ 15,000 x 12 = 180,000
บาท |
||
ข้อแนะนำ : เหมาะกับนักลงทุนที่มีเงินเย็น ไม่ต้องกู้ซื้อ เนื่องจากในสูตรคำนวณไม่ได้นำค่าใช้จ่ายมาคิดเพื่อหาอัตราของ Yield |
||
2. Net Rental Yield คือ อัตราผลตอบแทนจากการให้เช่าสุทธิ |
||
(ค่าเช่าที่คาดว่าจะได้รับตลอดปี
- ค่าใช้จ่ายตลอดปี) ราคาอสังหาริมทรัพย์ที่ซื้อมา
x 100
|
||
ตัวอย่าง :
นักลงทุนซื้อคอนโดย่านรัชดาฯ มาในราคา 3,500,000 บาท จากนั้นปล่อยเช่าคอนโดในราคา 20,000 บาทต่อเดือน
เป็นระยะเวลา 12 เดือน แต่นำมาประมาณการค่าเช่าเพียง 10 เดือนเท่านั้น
ดังนั้นค่าเช่าที่คาดว่าจะได้รับจากการปล่อยเช่าคอนโดตลอดทั้งปีคือ (20,000 x 10) = 200,000
บาท |
||
ข้อแนะนำ : เหมาะกับนักลงทุนที่ซื้อคอนโดมาลงทุน แต่ต้องเผชิญรายจ่ายเพิ่มเติม เช่นเดียวกับกรณีตัวอย่าง กับค่าใช้จ่ายส่วนกลาง |
||
3. Cash on Cash Rental Yield คือ อัตราผลตอบแทนจากการให้เช่าจากเงินสดในรอบปี |
||
(ค่าเช่าที่คาดว่าจะได้รับตลอดปี
- ค่าใช้จ่ายตลอดปี? - เงินผ่อนธนาคารทั้งปี)? เงินที่ลงทุนไปแล้ว?
x 100
|
||
ตัวอย่าง :
ลงทุนซื้อคอนโดย่านจตุจักรมาในราคา 4,000,000 บาท โดยชำระเงินจอง ผ่อนดาวน์ และตกแต่งไปแล้ว 1,200,000 บาท
และต้องผ่อนธนาคารเดือนละ 19,000 บาท ตลอดทั้งปี (19,000 x 12) = 228,000 บาท |
||
ข้อแนะนำ : เหมาะกับนักลงทุน ที่กู้ซื้อเงินมาเพื่อซื้อคอนโด |
เป็นที่รู้กันดีว่าจำนวนเปอร์เซนต์ของ Yield นั้นยิ่งมาก ย่อมส่งผลดีต่อการลงทุน เนื่องจากนั่นเป็นการบ่งบอกถึงระดับผลตอบแทนที่นักลงทุนจะได้รับ ทั้งนี้โดยส่วนใหญ่แล้วในวงการลงทุนอสังหาฯ จะเลือกโครงการที่จะลงทุนต้องมีอัตราผลตอบแทน (Yield) อยู่ที่ 6-8% หรือเรียกง่ายๆ ว่าควรสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เฉลี่ย 2% ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เป็นภาระในอนาคต
ขณะที่ในกลุ่มนักลงทุนอสังหาฯ ที่ค่อนข้างเชี่ยวชาญกับตลาดปล่อยเช่าคอนโด มักมองระดับผลตอบแทน (Yield) ตั้งแต่ 8% ขึ้นไป เนื่องจากนักลงทุนไม่ต้องควักเงินทุนตัวเอง ในทางกลับกันได้ผลตอบแทนเป็นกอบเป็นกำ เนื่องจากผลตอบแทนที่ได้จะถูกรวมค่าใช้จ่ายไว้ทั้งหมดแล้ว ทั้งนี้แน่นอนว่าโครงการคอนโดที่มีอัตราผลตอบแทนสูง มักอยู่บนทำเลทอง เฉกเช่นเดียวกับโครงการคอนโดต่างจังหวัด ดีคอนโด รีฟ ภูเก็ต คอนโดล้านต้นๆ แต่ด้วยจุดเด่นศักยภาพทำเลใกล้เซ็นทรัลภูเก็ต หาดป่าตอง โรงพยาบาลภกรุงเทพภูเก็ต จึงทำให้มีการการันตีผลตอบแทนหรือ Yield อยู่ที่ 7-8% เลยทีเดียว
อัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ (Refinance) บ้าน คอนโด 2567 ที่ไหนดี | แสนสิริ อ่านเพิ่มเติม >
15 ต้นไม้ฟอกอากาศในบ้าน ช่วยดูดสารพิษ สร้างอากาศบริสุทธิ์ | แสนสิริ อ่านเพิ่มเติม >
ย้ายเข้าบ้านใหม่วันไหนดี ต้องทำอะไรบ้าง ตามวันเกิด ปี 2567 | แสนสิริ อ่านเพิ่มเติม >
ค่าโอนบ้านพร้อมที่ดิน คอนโด ทาวน์โฮม จ่ายเท่าไหร่ คำนวณยังไง | แสนสิริ อ่านเพิ่มเติม >
ซื้อบ้านราคา 8-10 ล้าน ต้องผ่อนบ้านเดือนละเท่าไหร่ถึงจะพอ | แสนสิริ อ่านเพิ่มเติม >
หาคำตอบข้อแตกต่างระหว่างขายฝากและจำนอง พร้อมพบจุดเด่น จุดด้อยของนิติกรรมทั้ง 2 รูปแบบ เพื่อประโยชน์ในการเปลี่ยนที่ดินเป็นเงินก้อน
กฎหมายอสังหาริมทรัพย์ที่นักลงทุนต้องรู้ เช่น สัญญาซื้อขายบ้าน-คอนโดค่าธรรมเนียมและภาษี รวมถึงนิติกรรมซื้อขายอสังหาริมทรัพย์
คว้าโอกาสรวยก่อนใคร แค่เข้าใจการลงทุนอสังหาฯ แต่ละประเภทไม่ว่าจะเป็นการปล่อยเช่า ลงทุนกองทุนรวมอสังหา และการเพิ่มมูลค่าบ้าน ฯลฯ
หาคำตอบข้อแตกต่างระหว่างขายฝากและจำนอง พร้อมพบจุดเด่น จุดด้อยของนิติกรรมทั้ง 2 รูปแบบ เพื่อประโยชน์ในการเปลี่ยนที่ดินเป็นเงินก้อน
กฎหมายอสังหาริมทรัพย์ที่นักลงทุนต้องรู้ เช่น สัญญาซื้อขายบ้าน-คอนโดค่าธรรมเนียมและภาษี รวมถึงนิติกรรมซื้อขายอสังหาริมทรัพย์
อัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ (Refinance) บ้าน คอนโด 2567 ที่ไหนดี | แสนสิริ อ่านเพิ่มเติม >
15 ต้นไม้ฟอกอากาศในบ้าน ช่วยดูดสารพิษ สร้างอากาศบริสุทธิ์ | แสนสิริ อ่านเพิ่มเติม >
ย้ายเข้าบ้านใหม่วันไหนดี ต้องทำอะไรบ้าง ตามวันเกิด ปี 2567 | แสนสิริ อ่านเพิ่มเติม >
ค่าโอนบ้านพร้อมที่ดิน คอนโด ทาวน์โฮม จ่ายเท่าไหร่ คำนวณยังไง | แสนสิริ อ่านเพิ่มเติม >
ซื้อบ้านราคา 8-10 ล้าน ต้องผ่อนบ้านเดือนละเท่าไหร่ถึงจะพอ | แสนสิริ อ่านเพิ่มเติม >