ข่าวสารและสื่อ

อัปเดตข่าวสารจากสื่อหลากหลายช่องทาง ล่าสุดได้ที่นี่

แสนสิริเผยแผนธุรกิจปี 2556 เปิด 45 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 61,000 ลบ.

แสนสิริเผยแผนธุรกิจปี 2556 วางเป้าเปิด 45 โครงการใหม่ มูลค่ารวมประมาณ 61,000 ล้านบาท คาดเป็นอีกปีที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ตั้งเป้ายอดขาย 48,000 ล้านบาท  

บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI   เปิดเผยว่า การดำเนินธุรกิจในปี 2555 ที่ผ่านมา บริษัทประสบความสำเร็จอย่างสูงเกินจากแผนการดำเนินงานที่ตั้งไว้ โดยนับว่าเป็นปีที่บริษัทมีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดดทั้งในด้านยอดขายและการเปิดตัวโครงการเพื่อตอบรับกลุ่มลูกค้าทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยบริษัทสามารถสร้างยอดขายได้สูงถึง 42,600 ล้านบาท จาก 52 โครงการครอบคลุมทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด มูลค่าโครงการรวมกว่า 57,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากความสำเร็จในการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งจนส่งผลให้ลูกค้าให้การตอบรับและไว้วางใจในแบรนด์ “แสนสิริ” รวมทั้งแบรนด์ที่อยู่อาศัยต่างๆ ของแสนสิริอย่างต่อเนื่องและเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถสร้างยอดขายได้สูงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่บริษัทในเครือ ได้แก่ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ที่ดำเนินธุรกิจตัวแทนซื้อ-ขาย-เช่า อสังหาริมทรัพย์และบริหารงานขายโครงการ รวมถึงบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่พักอาศัยและบริหารจัดการทรัพยากรอาคาร ซึ่งได้รับการยอมรับและเชื่อถือด้านการให้บริการและให้คำปรีกษาด้านอสังหาริมทรัพย์อย่างครบวงจรทั้งจากภาครัฐและเอกชนมากว่า 16 ปี ก็มีผลการดำเนินงานที่น่าพอใจอย่างมาก โดยปัจจุบัน พลัส พร็อพเพอร์ตี้ได้รับความไว้วางใจในการให้บริการทางด้านอสังหาริมทรัพย์มาแล้วเป็นจำนวนกว่า 200 โครงการ รวมพื้นที่กว่า 6.5 ล้านตารางเมตร ในฐานะบริษัทที่มีศักยภาพจากประสบการณ์อันยาวนาน และความสามารถที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากลเช่นเดียวกัน  

สำหรับปี 2556 บริษัทได้วางแผนการดำเนินธุรกิจ ด้วยการรุกพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อตอบรับทุกความต้องการที่อยู่อาศัย ครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้า รวมทั้งขยายการพัฒนาโครงการสำหรับรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าในตลาดต่างจังหวัด รวมถึงกลุ่มลูกค้าต่างชาติเพิ่มขึ้นมากขึ้นอีก โดยบริษัทจะเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ อีก 45 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 61,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นมูลค่าการพัฒนาโครงการในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑลและต่างจังหวัดในสัดส่วน 70% : 30% และแบ่งประเภทการพัฒนาโครงการเป็นที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมประมาณ 24 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 35,323 ล้านบาท โครงการบ้านเดี่ยวประมาณ 13 โครงการ มูลค่าประมาณ 22,504 ล้านบาท และโครงการทาวน์เฮาส์ประมาณ 8 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 2,723 ล้านบาท โดยตั้งเป้ายอดขายรวมสำหรับปี 2556 ไว้ประมาณ 48,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2555 ประมาณ 14%

“ปีที่ผ่านมาซึ่งได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า บริษัทได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าทั้งในกรุงเทพฯ และในจังหวัดที่ยังไม่เคยมีการพัฒนาโครงการมาก่อนนอกเหนือไปจากหัวหินซึ่งแสนสิริเป็นเจ้าตลาดคอนโดมิเนียมตากอากาศเดิมอยู่ก่อนแล้ว ์จนส่งผลให้สามารถทยอยปิดการขายโครงการใหม่ๆ ในทุกจังหวัดได้อย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว ขณะที่ที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ของแสนสิริเองก็มีการขยายการพัฒนาโครงการเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จากการที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการพิจารณาคุณภาพและความน่าเชื่อถือของผู้ประกอบการมากขึ้น ดังนั้นเมื่อคู่แข่งซึ่งเป็นผู้ประกอบการรายย่อยเริ่มลดน้อยลง ในวันนี้ แสนสิริ พร้อมจะประกาศชัดเจนว่า บริษัทกำลังเดินหน้าชิงส่วนแบ่งตลาดของคู่แข่งรายใหญ่ในหลายๆ เซกเมนต์เพื่อสนับสนุนการเจริญเติบโตของธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนับเป็นความท้าทายใหม่ๆ ในปีนี้” แสนสิริ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทได้วางกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจไว้อย่างชัดเจนและแข็งแกร่ง ภายใต้ 6 กุญแจสำคัญที่จะผลักดันสู่ความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ ประกอบด้วย 1. การรุกตลาดต่างจังหวัดต่อเนื่อง โดยใน 6 จังหวัด ได้แก่ หัวหิน, ภูเก็ต, เขาใหญ่, เชียงใหม่, พัทยา และขอนแก่น ซึ่งบริษัทได้เริ่มพัฒนาโครงการไปแล้วในปีที่ผ่านมา จะมีแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ๆ ในหลากหลายเซกเมนต์ ให้ครอบคลุมต่อเนื่องมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้น ภายในปีนี้บริษัทจะเปิดตัวโครงการใหม่ เพื่อขยายฐานลูกค้าและรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าในอีก 6 จังหวัด 7 ทำเล ได้แก่ ระยอง, อุดรธานี, นครราชสีมา, มหาสารคาม, ศรีราชา, บางแสน และหาดใหญ่ โดยจ่อคิวเปิดตัว “ดีคอนโด เนินพระ” ที่จ.ระยอง เป็นโครงการแรก กำหนดเปิดพรีเซลล์ในช่วงวันที่ 26 - 27 มกราคมนี้ ในราคาเริ่มต้น 1.39 ล้านบาท รวมทั้งยังได้เร่งศึกษาโอกาสในตลาดที่มีความเป็นไปได้ในจังหวัดซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพสูง โดยเล็งเปิดตัวโครงการเพิ่มเติมในอีก 4 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก, สุราษฎร์ธานี, อุบลราชธานี และกาญจนบุรี เป็นต้น รวมแผนการพัฒนาโครงการในตลาดต่างจังหวัดเพิ่มเติมทั้งสิ้น 10 จังหวัด 11 ทำเล ภายใต้การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในแต่ละพื้นที่อย่างยั่งยืนและตลอดไป รวมถึงเป็นส่วนผลักดันในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในจังหวัดนั้นๆ อย่างยั่งยืน ตามแนวทางการดำเนินธุรกิจในตลาดต่างจังหวัด “วันนี้ พรุ่งนี้ ตลอดไป” รวมถึงความมุ่งมั่นในการมอบสิ่งดีๆ สู่สังคมในแต่ละจังหวัดอย่างยั่งยืน ตามแนวทาง Sansiri Social Change อีกด้วย

นอกจากนี้ยังประกอบด้วย Key Driver ที่ 2 ได้แก่ การจับตลาด niche ซึ่งเป็นเซกเมนต์ที่มีความเฉพาะตัวเพิ่มมากขึ้น เพื่อฉีกหนีจากการแข่งขันในตลาดเดิมๆ โดยเห็นได้จากความสำเร็จในช่วงที่ผ่านมา จากการเปิดตัวโครงการดีคอนโด แคมปัส รีสอร์ท ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งประสบความสำเร็จสูงในการเจาะเข้าสู่ตลาดนี้เป็นครั้งแรกในปีที่ผ่านมา โดยบริษัทได้วางแผนการพัฒนาโครงการในลักษณะนี้เพิ่มเติมขึ้นอีกในปีนี้  

Key Driver ที่ 3 การวางเป้าเพิ่มสัดส่วนในกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติเพิ่มมากขึ้นจากสัดส่วนที่มีอยู่ในปัจจุบัน ทั้งกลุ่มชาวต่างชาติที่เข้ามาประกอบอาชีพในประเทศไทยหรือมีครอบครัวเป็นคนไทยและกำลังมองหาที่อยู่อาศัย กลุ่มต่างชาติที่มองหาบ้านหลังที่สอง เพื่อใช้เป็นสถานที่พักผ่อน หรือกลุ่มต่างชาติอาวุโสที่ต้องการที่อยู่อาศัยสำหรับการพักผ่อน ภายหลังจากการเกษียณอายุงาน หรือ Retirement แล้ว รวมถึงกลุ่มต่างชาติที่ต้องการลงทุนทั้งจากในเอเชียด้วยกันหรือจากตะวันตก ซึ่งบริษัทมีโครงการที่อยู่อาศัยที่หลากหลายเซกเมนต์ที่สามารถตอบรับความต้องการของลูกค้าในกลุ่มนี้ไว้อย่างครอบคลุมครบถ้วนทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวมทั้งยังมี พลัส พร็อพเพอร์ตี้ บริษัทในเครือซึ่งนับเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญในการเข้าถึงตลาดในกลุ่มลูกค้าต่างชาติ ด้วยเครือข่ายของเอเจนต์ทั้งในไทยและในต่างประเทศที่พลัสมีอยู่ โดยล่าสุด บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ยังได้เปิดตัวwww.rentalforholidays.com  ซึ่งจะใช้เป็นเว็บไซต์ศูนย์กลางในการนำเสนออสังหาริมทรัพย์คุณภาพในเครือแสนสิริทั่วประเทศ เพื่อเจาะกลุ่มผู้เช่าทั้งชาวไทยและต่างชาติ เพื่อมอบบริการแบบไร้รอยต่อแก่ลูกค้าแสนสิริ ภายใต้สต็อกที่อยู่อาศัยคุณภาพ รวมทั้งบ้านพักตากอากาศในเมืองท่องเที่ยว อาทิ หัวหิน และภูเก็ตให้เลือกทุกระดับราคารวมกว่า 16,000 รายการทั่วไทย โดยได้เพิ่มความสะดวกด้านการจองและช่องทางชำระเงินผ่านทางเว็บไซต์และจ่ายผ่านบัตรเครดิตได้ทันที ซึ่งจะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในต้นปี 2556 เป็นต้นไป  

Key Driver 4 การกลับมารุกพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวระดับไฮน์เอนด์ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดที่มีความน่าสนใจ โดยในปีนี้บริษัทจะรุกพัฒนาบ้านเดี่ยวภายใต้แบรนด์ “นาราสิริ” อีกครั้ง เพื่อให้ครอบคลุมและตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าระดับบนมากยิ่งขึ้น โดยได้เตรียมเปิดตัวนาราสิริ 4 โครงการใหม่ ในทำเลศักยภาพ ได้แก่ บางนา/พุทธมณฑลสาย 1/พระราม 2 และศรีนครินทร์ รวมมูลค่าโครงการประมาณ 8,000 ล้านบาท
Key Driver 5 การขยายตลาดให้ครอบคลุมทุกเซกเมนต์มากขึ้นอีก ด้วยแผนการพัฒนาบ้านเดี่ยวในระดับราคา3 ล้านบาทและทาวน์เฮาส์ในระดับราคา 1.5 ล้านบาท ในทำเลที่ใกล้แหล่งงาน เช่น นิคมอุตสาหกรรมในทำเลปทุมธานี และวงแหวนกาญจนาภิเษก หรืออยู่ใกล้แหล่งเมืองเก่า เช่น ประชาอุทิศหรือสำโรงเป็นต้น โดยคาดว่าจะเปิดการขายในช่วงประมาณไตรมาสที่ 2 ของปีนี้


และ Key Driver ที่ 6 คือ แผนการเพิ่มสัดส่วนการพัฒนาโครงการด้วยระบบพรีคาสให้มากยิ่งขึ้น โดยในช่วงกลางปีนี้ บริษัทมีแผนที่จะเพิ่มกำลังการผลิตสำหรับการพัฒนาโครงการแนวสูง โดยเฉพาะแบรนด์ ดีคอนโด ภายใต้กำลังการผลิตที่ 42,000 ตารางเมตร/ปี หรือคิดเป็นประมาณ 10 ตึก/ปี รวมถึงโครงการทาวน์เฮาส์ภายใต้แบรนด์ใหม่ที่จะเกิดขึ้นในปีนี้อีกด้วย


“แสนสิริจะรุกธุรกิจอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้งในปีนี้ โดยเริ่มตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี ด้วยการจัดงานขายครั้งใหญ่ ‘Sansiri Life Comes Home’ อีกครั้ง โดยในปีนี้กำหนดจัดงานในวันที่ 15 – 17 กุมภาพันธ์ 2556 ที่รอยัล พารากอนฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยาม พารากอน ซึ่งจากความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์แสนสิริเพิ่มขึ้น จึงคาดว่าจะเป็นอีกครั้งที่ได้รับการตอบรับที่ดี ซึ่งเมื่อรวมกับแนวทางการดำเนินธุรกิจ ที่บริษัทวางไว้อย่างชัดเจนในปีนี้ จึงเชื่อมั่นว่าจะเป็นอีกปีที่บริษัทเติบโตอย่างมั่นคงแข็งแกร่ง และสามารถสร้างยอดขายได้ถึง 48,000 ล้านบาท สูงขึ้นต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมาตามเป้าหมายที่วางไว้” แสนสิริ กล่าว