-
แสนสิริ ชูจุดแข็งด้านคุณภาพที่อยู่อาศัย ตอกย้ำความเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งของคนอยากมีบ้าน นำนวัตกรรมยกระดับมาตรฐานการพัฒนาโครงการและเสริมแกร่งประสิทธิภาพการทำงานควบคุม ‘Time-Cost-Quality’ เพื่อส่งมอบที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพสำหรับการใช้ชีวิตดีดีของทุกคนแบบ Made for Life
-
ครั้งแรกของวงการอสังหาฯ! ไทย รุกหน้าสร้างสรรค์ Sansiri Total Project Management Solutions เชื่อมต่อทุกมิติของการพัฒนาโครงการบนแพลตฟอร์มเดียว ตอกย้ำความเป็นตัวจริงด้าน ‘Thailand’s First Digital Real Estate Developer’
-
พร้อมยกระดับการเก็บข้อมูลไซต์ก่อสร้างแบบละเอียด 360 องศา กับ StructionSite แพลต์ฟอร์ม AI ล่าสุด นำร่องใช้งานแล้วที่ เดอะ ไลน์ พหลโยธิน พาร์ค (THE LINE Phahonyothin Park) และเดอะ เบส เพชรบุรี-ทองหล่อ (THE BASE Phetchaburi-Thonglor)
-
ชี้ปี 2020 เทคโนโลยีมีส่วนช่วยให้งานก่อสร้างสำเร็จตามกำหนด 100% พร้อมเตรียมส่งมอบ 14 โครงการคุณภาพ ทั้งคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม ภายในสิ้นปีนี้ รวมมูลค่าโครงการกว่า 26,000 ล้านบาท เดินหน้าสู่เป้ายอดโอนรวม 42,000 ล้านบาท เตรียมพร้อมส่งมอบ 2 โครงการคอนโดฯ ในเดือนกันยายนนี้ ได้แก่ โอกะ เฮาส์ (oka HAUS) และ เอ็กซ์ที เอกมัย (XT EKKAMAI)
นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “แสนสิริ ให้ความสำคัญสูงสุดกับการส่งมอบที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพสู่ลูกค้า พร้อมนำเทคโนโลยีมาเป็นฟันเฟือนสำคัญในการพัฒนาโครงการ โดยตั้งแต่ต้นปี 2020 จนถึงปัจจุบัน เทคโนโลยีเป็น 1 ในปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้งานก่อสร้างสำเร็จตามกำหนด 100% โดยเตรียมพร้อมส่งมอบ 14 โครงการคุณภาพ ทั้งคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม ภายในสิ้นปีนี้ รวมมูลค่าโครงการกว่า 26,000 ล้านบาท ล่าสุดเตรียมส่งมอบ 2 โครงการคอนโดฯ ในเดือนกันยายนนี้ ได้แก่ โอกะ เฮาส์ (oka HAUS) และ เอ็กซ์ที เอกมัย (XT EKKAMAI) และเพื่อรักษาตำแหน่งความเป็นตัวจริงด้าน ‘Thailand’s First Digital Real Estate Developer’ ผ่านการสร้างคุณค่าให้วงจรธุรกิจ Sansiri Value Chain ด้วยเทคโนโลยี เราเดินหน้าพัฒนา Sansiri Total Project Management Solutions ต่อยอดการใช้งานจาก Primavera เพื่อยกระดับมาตรฐานการควบคุม ‘Time-Cost-Quality’ อย่างเต็มศักยภาพให้โครงการมีคุณภาพและสำเร็จเป็นไปตามระยะเวลา รวมทั้งต้นทุนที่วางแผนไว้ ด้วยการเชื่อมต่อทุกมิติของการพัฒนาโครงการ เพื่อการจัดการที่มีประสิทธิภาพบนแพลตฟอร์มเดียว ตั้งแต่ การสร้างสัญญาจ้าง-สัญญาก่อสร้าง, การประมาณการต้นทุน, การจัดการผลิตของโรงงานผลิตแผ่นคอนกรีตสำเร็จรูป (PCF), การจัดซื้อวัสดุก่อสร้าง, การรายความคืบหน้าของการพัฒนาโครงการตามรายการ เมื่อพร้อมเข้าตรวจเพื่อควบคุมคุณภาพ (QC) โครงการ ตลอดจนการทำงานร่วมกับ BIM ในการเชื่อมโยงแบบและระยะเวลาก่อสร้าง เพื่อจำลองภาพงานก่อสร้างโครงการเสมือนจริงอัตโนมัติตามไทม์ไลน์ ซึ่งจะพร้อมใช้งานอย่างเต็มรูปแบบในปี 2021”
นายอุทัย กล่าว
4 มิติของเทคโนโลยีเสริมแกร่งการทำงานเพื่อส่งมอบการใช้ชีวิตดีดีของทุกคน
เทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญกับแสนสิริในการพัฒนาโครงการที่มีคุณภาพทั้งด้านการออกแบบ, การก่อสร้าง ตลอดจนการดูแลลูกค้า ตั้งแต่ก้าวแรกและครอบคลุมทุกช่วงการอยู่อาศัยเพื่อมอบไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่มากกว่าและสร้างความสุขดี ๆ ในทุกวัน
มิติที่ 1: มุ่งส่งมอบที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพ นำเทคโนโลยียกระดับมาตรฐานการควบคุม ‘Time-Cost-Quality’ ได้แก่ BIM แพลตฟอร์มสร้างแบบจำลองเสมือนจริงของที่อยู่อาศัยอย่างแม่นยำ, Primavera แพลตฟอร์มควบคุมไทม์ไลน์การพัฒนาโครงการ และ StructionSite แพลตฟอร์ม AI เก็บข้อมูลไซต์ก่อสร้างแบบละเอียด 360 องศา
นายจิรพัฒน์ จันทร์เจิดศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่เทคโนโลยี สิริ เวนเจอร์ส บริษัทในเครือแสนสิริ กล่าวว่า “สำหรับการยกระดับการควบคุมคุณภาพระหว่างงานก่อสร้าง เราได้นำ StructionSite สตาร์ทอัพด้าน ConsTech (Construction Tech) ที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำในประเทศสหรัฐอเมริกา นำ AI มาช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการตรวจสอบจากวิศวกรผู้ควบคุมงานก่อสร้าง และเก็บข้อมูลไซต์ก่อสร้างแบบละเอียด 360 องศา ส่งผลให้การควบคุมคุณภาพเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ นำร่องใช้งานแล้วที่ เดอะ ไลน์ พหลโยธิน พาร์คและเดอะ เบส เพชรบุรี-ทองหล่อ”
มิติที่ 2: ดูแลลูกค้าตั้งแต่ก้าวแรกและครอบคลุมทุกช่วงการอยู่อาศัย ผ่าน Salesforce แพลตฟอร์มการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) อันดับ 1 ของโลก, LIV-24 บริการดูแลความปลอดภัยอย่างเต็มรูปแบบจากศูนย์ควบคุมแบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมงแห่งแรกของวงการอสังหาฯ ไทย และ Sansiri Home Service Application กับ 4 ฟีเจอร์ใหม่ ได้แก่ Community Hub พื้นที่สำหรับการสื่อสารโดยการตั้งกระทู้และแชร์กิจกรรมของลูกบ้าน, Market Place พื้นที่ซื้อ-ขายสินค้าของลูกบ้านและฟังก์ชั่น การจอง-จ่ายสถานนี EV Charger ของ SHARGE กว่า 200 จุด รวมทั้งการจองเข้าใช้บริการพื้นที่ส่วนกลาง นำร่องที่เอ็กซ์ที เอกมัย
มิติที่ 3: เปิดประสบการณ์เยี่ยมชมโครงการและห้องตัวอย่างเสมือนจริงได้ง่ายไม่ว่าลูกค้าจะอยู่ที่ไหน กับ Nodalview โซลูชั่นสร้าง Virtual Sales Gallery ผ่านสมาร์ทโฟนได้ง่ายเพียงไม่กี่วินาที พร้อมแพลตฟอร์มที่เอื้อให้พนักงานพูดคุยกับลูกค้าโดยตรง
มิติที่ 4: เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในด้านการจัดซื้อจัดจ้างกับคู่ค้าที่มีความโปร่งใส รวดเร็วและปลอดภัยยิ่งขึ้น ด้วยเทคโนโลยี B2P (Blockchain Solution for Procure-to-Pay) จาก Digital Ventures
นายอุทัย กล่าวถึง ภาพรวมความสำเร็จที่ผ่านมา และความมุ่งมั่นในการนำเทคโนโลยีมาเสริมแกร่งการทำงาน เพื่อยกระดับประสบการณ์การใช้ชีวิตที่ดีของครอบครัวแสนสิริว่า LIV-24 เป็นหนึ่งในนวัตกรรมที่สร้างความสำเร็จอย่างต่อเนื่องในการแก้ไขปัญหาได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุ (Security Monitoring) และการบริหารโครงการแบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ (Preventive Maintenance) โดยตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2019 ถึงกรกฎาคม 2020 นวัตกรรม LIV-24 สามารถตรวจจับเหตุการณ์ที่ไม่ปกติภายในโครงการที่ดูแลทั้งหมด 38 โครงการ ด้วย CCTV และเข้าแก้ไขได้ทันทวงที 942 ครั้ง และแจ้งเตือนการบำรุงรักษาเชิงป้องกันของระบบต่าง ๆ ในอาคาร ด้วยเทคโนโลยี IoT ก่อนที่จะชำรุด 57 ครั้ง ซึ่งช่วยยับยั้งการสูญเสียค่าซ่อมแซมได้มากกว่า 2 ล้านบาท และในด้านการพัฒนาโปรดักส์ เราได้เปิดตัว Sansiri Smart Home บ้านสั่งการด้วยเสียงบน Google Assistant ที่โครงการเศรษฐสิริ กรุงเทพกรีฑา 2 และทวีวัฒนา โดยฟังก์ชั่นที่ได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติและครอบครัวคนรุ่นใหม่ ได้แก่ การสั่งการด้วยเสียงเพื่อเปิด-ปิดม่านและ Smart Display เพื่อการสั่งการด้วยเสียงกับระบบสมาร์ทโฮมอื่น ๆ
นอกจากการพัฒนา Sansiri Total Project Management Solutions แผนงานด้านเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาโครงการของแสนสิริในอนาคต จะรวมถึงการขยายการใช้งาน BIM ไปสู่การบริหารโครงการ (Facility Management) นำร่องที่ SIRI CAMPUS ตลอดจนรุกหน้าพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการออกแบบและก่อสร้างอย่างต่อเนื่องให้ตอบโจทย์การใช้งาน เพื่อสร้างข้อได้เปรียบเหนือคู่แข่ง พร้อมส่งมอบที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพเพื่อการใช้ชีวิตดีดีของทุกคนแบบ Made for Life